อัปเดตล่าสุด "โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 40 บาท" ห้างดังย่านสุขาภิบาล เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2567 โดย พ.ต.ต.พิชิตพล ราชคม สว.(สอบสวน)สน.มีนบุรี รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกเดี่ยววิ่งราวร้านทอง ภายในห้างสรรพสินค้าดังย่าน สุขาภิบาล3 ถนนรามคำแหง แขวงและเขตมีนบุรี กรุงเทพฯจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนไปตรวจสอบพร้อมพ.ต.อ.กฤษ ก้อมน้อย ผกก.สน.มีนบุรี พ.ต.ต.พงษ์เทพ ช่วยบุดดา สวป.สน.มีนบุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
โดยเกิดเหตุอยู่ห่างจากประตูทางเข้าประมาณ10เมตร ภายในร้านพบพนักงาน3-4คนยืนรอให้การด้วยอาการตื่นตระหนก สร้อยคอทองคำตกเกลื่อนพื้น เมื่อสอบสวนผู้จัดการร้าน ให้การว่า ช่วงเวลา11.20 น.ขณะที่กำลังเปิดร้านปกติ มีลูกค้าในร้าน2คน ได้มีคนร้ายเป็นชาย สูงประมาณ175ซ.ม. สวมเสื้อแบบมีฮู้ดสีดำคลุมศีรษะ ใส่หน้ากากอนามัยสีดำ กางเกงยีนส์ดำ รองเท้าแตะ สะพายกระเป๋าผ้าสีดำ สายสีแดง เดินเข้ามาในร้าน ชักอาวุธข้างเอวออกมา ลักษณะคล้ายหน้าไม้ขยาดเล็กสีดำออกมาข่มขู่ บอกให้ทุกคนอยู่เฉยๆ จากนั้นได้ปีนข้ามตู้โชว์ เข้าไปด้านในสุด เปิดตู้โชว์กวาดสร้อยคอทองคำน้ำหนักรวมประมาณ 40 บาท ใส่กระเป๋าสะพาย แล้ววิ่งหลบหนีไป ใช้เวลาในการก่อเหตุประมาณ30วินาที มีสร้อยคอบางส่วนตกอยู่ตามพื้น
จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในตัวห้างพบว่า คนร้ายได้ขี่รถจยย.ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน 3ขข 9636 กรุงเทพมหานคร เบาะหลังใส่กล่องใส่พัสดุสีส้ม จอดไว้ด้านหลังร้านกาแฟแอมาซอน ซึ่งอยู่ด้านข้างของตัวห้าง หลังก่อเหตุได้ขี่รถออกไปทางหน้าห้างออกสู่ถนนรามคำแหง
เจ้าหน้าที่วิทยุสกัดจับ แต่ก็ไร้วี่แวว ต่อมามีพลเมืองดีแจ้งว่าพบรถจยย.ต้องสงสัย ลักษณะคล้ายกับรถที่ใช้ก่อเหตุถูกจอดทิ้งไว้ข้างทางในซอยราษฎร์พัฒนา 23 แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ7.4ก.ม. ฝ่ายสืบสวนสน.มีนบุรี และกก.สส.บกน.3 จึงไปตรวจสอบ เบื้องต้นในกล่องใส่พัสดุพบสร้อยคอทองคำ3เส้น บิลเงินสด1ใบ หมวกเดินป่าอีก1ใบ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน และติดตามตัวมาดำเนินคดี
ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 มีรายงานด่วนชุดสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี จับกุมตัวนายพงษ์ศธร หรือ บาส ผู้ก่อเหตุบุกเดี่ยวชิงทอง 40 บาท จากร้านทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านสุขาภิบาล 3 หลังได้เบาะแสว่า ผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปหาญาติ แต่ญาติปฏิเสธช่วยเหลือ เจ้าตัวจึงหลบหนีต่อ
เส้นทางการหลบหนีของ นายบาส พบว่ามีการขึ้นรถแท็กซี่ไปจนถึงย่านคลองสอง จังหวัดปทุมธานี ก่อนจะมีรถเก๋งขับมารับพาหนีต่อ ซึ่งตำรวจตรวจสอบแล้ว ปรากฎว่ารถยนต์คันนี้ ไม่ใช่ผู้ร่วมขบวนการอีกคนที่พาผู้ก่อเหตุหลบหนีแต่เป็นรถยนต์มือสอง ที่ผู้ก่อเหตุขอซื้อจากคนที่ประกาศขายในราคา 80,000 บาท แล้วให้นำไปส่งที่จุดนี้
จากนั้น นายบาส ได้ขับรถต่อไปญาติที่อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา แต่เมื่อญาติทราบข่าวจึงขับไล่ให้ผู้ก่อเหตุไปที่อื่น นายบาสจึงขับรถคันที่ซื้อมาหลบหนีต่อไป กระทั่งเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ชุดสืบสวนจะสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ที่บริเวณแยกสาริกา ตำบลสาริกา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก ขณะขับรถตระเวนหลบหนีตลอดทั้งคืน โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างควบคุมตัวมาสอบปากคำ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป