ไม่กินอาหารเช้า เสี่ยงเป็นนิ่วในถุงน้ำดี จริงหรือ

21 กรกฎาคม 2567

ใครไม่ค่อยกินมื้อเช้า ต้องระวังให้ดี อาหารเช้ามื้อสำคัญ ไม่กินบ่อยๆ เสี่ยงป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดี พร้อมเปิดเมนูยอดนิยม ที่คนยุคนี้ชอบกิน แต่เสี่ยงโรคภัยถามหา และสรุป ไม่กินอาหารเช้า เสี่ยงเป็นนิวในถุงน้ำดี จริงหรือ? วันนี้มีคำตอบ

ใครไม่ค่อยกินมื้อเช้า ต้องระวังให้ดี เสี่ยงป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดี จริงหรือไม่ วันนี้มีคำตอบให้ค่ะ พฤติกรรมที่ชอบกินอาหารหวานหรืออาหารไขมันสูงเป็นประจำ โดยเฉพาะพวกของทอดของปิ้งย่าง หรือชาบู อาจส่งผลให้สมดุลของน้ำดีเสียไป ทำให้เกิดก้อนผลึกขึ้นในถุงน้ำดี เกิดเป็น นิ่วในถุงน้ำดี ขึ้นได้

 

ไม่กินอาหารเช้า เสี่ยงเป็นนิวในถุงน้ำดี จริงหรือ

หากเป็น นิ่ว ในถุงน้ำดีถึงขั้นอักเสบแล้ว อาจต้องรักษาโดยการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก ทำให้เราแทบจะหมดโอกาสที่จะได้กินอาหารหวานมันเหมือนเมื่อก่อน ถ้าเราไม่อยากเป็นแบบนั้น ก็ควรระมัดระวังพฤติกรรมการกินอาหาร และมาทำความรู้จักกับโรคนี้ไว้แต่เนิ่น ๆ พร้อมกัน

นิ่วในถุงน้ำดี (Gall Stone) เป็นโรคที่เกิดจากการตกตะกอนของสารต่าง ๆ ในน้ำดี ทำให้เกิดนิ่วขึ้นที่ถุงน้ำดี ผู้ป่วยอาจมีอาการแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อบ่อย ๆ โดยเฉพาะเวลาทานอาหารประเภทไขมัน (แต่ก็มีกรณีที่ไม่แสดงอาการ) สามารถรักษาได้โดยการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีและนิ่วออก ความผิดปกติของถุงน้ำดีมักมาจากภาวะการอักเสบ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น มีเนื้องอก เกิดพังผืด ติดเชื้อ ได้รับการกระทบกระเทือน แต่สาเหตุส่วนมากของถุงน้ำดีอักเสบกว่าร้อยละ 95 เป็นผลมาจากการเป็นนิ่วในถุงน้ำดี (gallstone) ขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลพระราม 9 


ไม่กินอาหารเช้า เสี่ยงเป็นนิวในถุงน้ำดี จริงหรือ

ไม่กินอาหารเช้า เสี่ยงเป็นนิวในถุงน้ำดี จริงหรือ?


ข่าวต่างประเทศ เคสตัวอย่าง..

ดร.เฉียน เจิ้งหง แพทย์ระบบทางเดินอาหารชาวไต้หวัน แชร์ประสบการณ์รักษาผู้ป่วยคนหนึ่ง "นายหลิน" เป็นชายอายุมากกว่า 40 ปี มีส่วนสูงไม่ถึง 170 เซนติเมตร น้ำหนักมากกว่า 80 กิโลกนรัม ซึ่งถือว่ามีน้ำหนักเกิน เขามาพบแพทย์เพื่อตรวจสอบอาการปวดท้อง แต่กลับพบว่ามีนิ่วในถุงน้ำดีเกือบ 5,000 ก้อน

ดร.เฉียน กล่าวย้ำว่า "ช่องท้องประกอบด้วยอวัยวะภายในจำนวนมาก ดังนั้นอาการปวดท้องจึงไม่ได้เกิดจากกระเพาะอาหารเสมอไป"

แม้ว่าอาการปวดท้องจะปรากฏขึ้นทันทีหลังรับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่ม ร่วมกับความผิดปกติบางอย่างระหว่างถ่ายอุจจาระ ก็ยังอาจเกิดจากพยาธิสภาพอื่นได้ แม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหารก็ตาม วิธีที่ดีที่สุดคืออย่าอดทนเก็บความรู้สึกเจ็บปวด หรือพยายามรักษาด้วยตัวเอง แต่ควรไปโรงพยาบาลตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อตรวจสอบและค้นหาปัญหา

ระหว่างตรวจนายหลินบอกหมอว่าปวดท้องบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากกินข้าวเสร็จ ในตอนแรกความเจ็บปวดจะค่อยๆ ทุเลาลงเมื่อเขานอนพักผ่อน แต่ยิ่งนานวันเขาก็ยิ่งต้องกินยาย่อยและยาแก้ปวดจำนวนมาก กระทั่งประมาณ 3 สัปดาห์ก่อน อาการปวดค่อยๆ ลามไปที่หลัง และยาที่ใช้มานั้นก็ไม่ได้ผลอีกต่อไป เขาจึงตัดสินใจไปพบแพทย์

ดร.เฉียน เล่าว่า “หลังการตรวจเบื้องต้น ผมคิดว่าคนไข้มีปัญหาถุงน้ำดี ต้องอัลตราซาวนด์ และซีทีสแกน แต่เขาไม่เห็นด้วย เขายืนยันว่าเขาเป็นโรคกระเพาะและไม่ต้องการเสียเงินไปกับการตรวจร่างกายโดยไม่จำเป็น เพราะเขาพบว่ามีอาการปวดเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหารพร้อมกับอุจจาระสีซีดมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณทั่วไปของโรคถุงน้ำดี โดยเฉพาะโรคนิ่ว ผู้ป่วยจะปวดท้องบริเวณชายโครงด้านขวา มักรู้สึกหลังรับประทานอาหารมื้อใหญ่ อาการปวดนิ่วอาจทำให้เกิดอาการปวดหลังต่างจากอาการปวดท้อง เมื่อนิ่วตกลงไปในท่อน้ำดีจะทำให้เกิดการอุดตันและน้ำดีไม่สามารถขับออกมาได้ ส่งผลให้ปัสสาวะสีเหลืองหรืออุจจาระสีซีด นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการต่างๆ เช่น ผิวหรือตาเหลือง คลื่นไส้อาเจียน ปวดไหล่และหลัง มีไข้และหนาวสั่น”

ในท้ายที่สุดทางโรงพยาบาลต้องขอการสนับสนุนจากสมาชิกในครอบครัว กระทั่งนายหลินตกลงที่จะทำอัลตราซาวนด์ถุงน้ำดี ผลตรวจพบว่าถุงน้ำดีมีนิ่วเต็มไปหมด และมีอาการติดเชื้อด้วย กรณีนี้ไม่สามารถรักษาด้วยยาลิโธทริปซีได้ และต้องได้รับการผ่าตัด ซึ่งหลังการผ่าตัดสามารถเอานิ่วออกมาได้เกือบ 5,000 ก้อน

 

อาหารต้องห้าม นิ่ว ห้ามกิน

 

นายหลินเองก็ตกใจมากเมื่อเห็นนิ่วจำนวนนี้ด้วยตาของเขาเอง เขาเสียใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเขารู้ว่าสาเหตุของการเจ็บป่วย ว่ามาจากนิสัยการกินสองประการที่เขาทำมาหลายปี ตามคำอธิบายของ ดร.เฉียน มันคือ “ขาด 1 เกิน 1” โดยเขามักจะไม่รับประทานอาการเช้า อีกทั้งยังมีนิสัยชอบทานอาหารทอดและมันเยิ้มมากเกินไป

ดร.เฉียนอธิบายว่า "นิ่วในถุงน้ำดีแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ นิ่วในเม็ดสีและนิ่วโคเลสเตอรอล ในกรณีของผู้ป่วยรายนี้คือ นิ่วจากคอเลสเตอรอล (Cholesterol Stones) เกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง และรับประทานอาหารทอดมันเยิ้ม เพิ่มปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือด เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วคอเลสเตอรอลในน้ำดี

ไม่ต้องเอ่ยถึงกรณีที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นและเป็นโรคอ้วน เพราะคนเหล่านี้มักมีดัชนีคอเลสเตอรอลในเลือดสูง มีการสะสมไขมันหน้าท้อง อินซูลินและไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น ความต้านทานต่ออินซูลิน นำไปสู่การขับถ่ายคอเลสเตอรอลในตับเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการทำงานผิดปกติของถุงน้ำดี ดังนั้น อัตราการเกิดนิ่วและถุงน้ำดีอักเสบจึงสูงกว่าคนปกติด้วย

ผู้ป่วยแทบไม่เคยรับประทานอาหารเช้าเลย ในขณะที่ถุงน้ำดีมักจะหลั่งน้ำดีในตอนเช้า เพื่อเตรียมย่อยอาหารหลังจากพักผ่อนมาทั้งคืน ดังนั้น เมื่อคุณงดมื้อเช้า น้ำดีก็จะไม่มีอาหารให้ย่อย และน้ำดีก็จะอยู่ในถุงน้ำดีนานขึ้น นิสัยนี้เมื่อเวลาผ่านไปทำให้น้ำดีสะสมในถุงน้ำดีและทางเดินอาหาร คอเลสเตอรอลที่หลั่งออกมาจากน้ำดีจะสะสม ตกผลึกและก่อให้เกิดนิ่วได้ง่าย

ดร.เฉียน ยังเตือนอีกว่า ไม่เพียงแต่คนไข้รายนี้เท่านั้น แต่ผู้คนจำนวนมากในสังคมยุคใหม่ก็มีนิสัยการกินที่คล้ายคลึงกัน ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดโรคนิ่วเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่โรคอันตรายอื่นๆ อีกมากมาย โรคนิ่วอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ เช่น ถุงน้ำดีอักเสบ ท่อน้ำดีอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ ในกรณีที่รุนแรงอาจนำไปสู่มะเร็งตับอ่อน มะเร็งถุงน้ำดี หรือมะเร็งท่อน้ำดีได้ ดังนั้นจึงต้องระมัดระวัง

นอกจากการข้ามมื้ออาหาร ทานอาหารไม่สม่ำเสมอ ทานอาหารทอดเยอะๆ นิสัยการกินของหวานเยอะๆ กินเนื้อแดงมากเกินไป ขี้เกียจออกกำลังกาย น้ำหนักลดเร็วเกินไป ก็ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดนิ่วได้เช่นเดียวกัน ดร.เฉียน แนะนำให้เพิ่มการบริโภคผักใบเขียวและผลไม้ เนื่องจากไฟเบอร์ช่วยป้องกันการสะสมของคอเลสเตอรอลในน้ำดี ลดความเสี่ยงที่จะเกิดนิ่วในถุงน้ำดี

ไม่กินอาหารเช้า เสี่ยงเป็นนิวในถุงน้ำดี จริงหรือ

ขอบคุณ : ข้อมูลดีๆ จาก โรงพยาบาลพระราม9