วันที่ 24 กรกฎาคม อัปเดตล่าสุดโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เตรียมเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์กันแล้ว เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ถึง 15 กันยายน 2567 เวลา 10.00 น. นายกฯเศรษฐา ทวีสิน มอบหมายให้ นายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ร่วมแถลงที่ทำเนียบรัฐบาล เกี่ยวกับรายละเอียดการลงทะเบียน รวมทั้งการใช้งานแอปพลิเคชันทางรัฐ
โดยประชาชนกลุ่มที่ใช้สมาร์ทโฟนจะเปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการในวันที่ 1 สิงหาคม นี้ เป็นระยะเวลา 45 วัน ส่วนระยะเวลาการลงทะเบียนร่วมโครงการของร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการกระทรวงการคลังจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง
ที่ผ่านมาแม้จะมีความชัดเจนเรื่องคุณสมบัติและเงื่อนไขของประชาชนที่จะเข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เช่น อายุเกิน 16 ปี ณ เดือนที่มีการลงทะเบียนไม่เป็นผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี และมีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท นับเฉพาะเงินฝากสกุลบาท รวมกันทุกบัญชี ทั้งในส่วนของธนาคารพาณิชย์ และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ แต่ในส่วนของเงื่อนไขร้านค้าที่จะเข้าโครงการนั้นยังไม่มีการประกาศที่ชัดเจน
แบ่งร้านค้า 2 ประเภทร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
1.ร้านค้าที่รับการใช้จ่ายจากประชาชน กำหนดให้ เป็นร้านค้าขนาดเล็ก รวมถึงร้านสะดวกซื้อ แต่ไม่รวมห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก-ค้าส่ง ขนาดใหญ่ระดับประเทศและระดับท้องถิ่น
2. ร้านค้าที่รับการใช้จ่ายจากร้านค้า ไม่มีการกำหนดเงื่อนไข
ทั้งนี้ กำหนดให้ร้านค้าที่สามารถเบิกถอนเงินสดได้เฉพาะร้านค้าที่อยู่ใน ระบบภาษี ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax: VAT) ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax: PIT) เฉพาะผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax CIT)
กำหนดเงื่อนไขการใช้จ่าย
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เงื่อนไขทั้งหมดของโครงการเติมเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเล็ตเป็นการออกแบบมาเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบและเกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจมากที่สุด ในกรณีที่มีข้อคำถามว่าจ่ายเป็นเงินสดจะดีกว่าหรือไม่นั้น คำตอบคือไม่ หากเป็นการจ่ายเงินสดผู้ที่ได้รับเงินก็จะนำเงินไปเก็บในบัญชีและไม่เกิดการหมุนเวียน
ส่วนที่ว่าทำไมต้องแบ่งเป็นการใช้จ่าย 2 รอบ นั้น เพราะต้องการให้การใช้จ่ายรอบแรกมีการหมุนเวียนเงินอยู่ในระดับชุมชน และการเพิ่มรายการห้ามซื้อก็เพื่อต้องการให้เม็ดเงินหมุนอยู่ในประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างการจ้างงาน และการตั้งเงื่อนไขการใช้ภายใน 6 เดือน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายมากที่สุดในช่วงสั้น
"ทั้งนี้ ประเมินว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะส่งผลกระทบเล็กน้อยต่อเศรษฐกิจในปีนี้ในช่วงสั้นๆ และคาดว่าจะเห็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจในปี 2568 ขณะเดียวกันรัฐบาลยังมีนโยบายที่จะเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพิ่มเติมนอกเหนือจากการกระตุ้นการบริโภคโดยเฉพาะการปรับโครงสร้างเพื่อทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาอยู่ในจัดที่สามารถแข่งขันได้"