บุกทลายแหล่งมั่วสุม รวบ "ปอน หนองแขม" วัย 21 ปี หัวจ่ายคนดัง กร่างโชว์อาวุธ

29 กรกฎาคม 2567

ทลายแหล่งมั่วสุม รวบ “ปอน หนองแขม” วัย 21 ปี หัวจ่ายยาเสพติดชื่อดังให้วัยรุ่นในชุมชน พฤติกรรมมั่วสุมเสพยาเสพติดกันเป็นกลุ่มแก๊ง และโพสต์ภาพอาวุธปืน 

จากกรณีเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567  ที่ผ่านมาา ที่ บก.สส. บช.น.พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย ,พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก สส.บช.น. พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์  ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. ,  พ.ต.ท ณัฐวุฒิ สีเสมอ , พ.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง  รอง ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.  พ.ต.ท.วุฒิพันธ์ ผะอบทอง , พ.ต.ต.กิติพัฒน์ ใจอารีรอบ สว.กก.สส.2บก.สส.บช.น. ,ร.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ผงบุญธรรม,  ร.ต.อ.เจษพงษ์  มีเพ็ชรทาน , ร.ต.อ.พีรเวธน์ โพธิ ,ร.ต.อ.วิศรุต พจน์มนต์ปิติ ,ร.ต.ท.ธีระชัย  ทรัพย์สำเริงรอง สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 2 พร้อมด้วย ผู้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญาขั้นพิเศษ TOP G ชุดปฏิบัติการที่ 2 ร่วมกันจับกุมนายนิวัฒิ หรือปอน  ศรีม่วง อายุ 21 ปี ที่อยู่ 1 ถนนแก้วเงินทอง แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กทม.นายวิทยา จารุตันติ์ อายุ 21 ปี ที่อยู่ บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 10 ตำบลนาพิน อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชานี และนางสาวบี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี

บุกทลายแหล่งมั่วสุม รวบ ปอน หนองแขม วัย 21 ปี หัวจ่ายยาเสพติดชื่อดัง

 

 

พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา "ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต"พร้อมของกลาง วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 ( คีตามีน ) ชนิดผงสีขาว บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสกดปิดดึงเปิด จำนวน 1 ซอง น้ำหนักรวมซองประมาณ 2.44 กรัม,วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 ( คีตามีน ) ชนิดเกล็ดสีขาว บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสกดปิดดึงเปิด จำนวน 1 ซอง น้ำหนักรวมซองทั้งหมดประมาณ 39.33 กรัม และเครื่องชั่งน้ำหนัก ดิจิทัล จำนวน 1 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่ บ้านภายในซอยพงศ์ศิริชัย 4 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กทม.พล.ต.ต.ธีรเดช 

บุกทลายแหล่งมั่วสุม รวบ ปอน หนองแขม วัย 21 ปี หัวจ่ายยาเสพติดชื่อดัง

 พฤติการณ์ว่าก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น. ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดข้อหาร้ายแรง จำนวนหลายคดีอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากการสืบสวนขยายผลเรื่อยมา จนทราบว่ามีนายนิวัฒิหรือปอน  มีพฤติกรรมมั่วสุมเสพยาเสพติดกันเป็นกลุ่มแก๊ง และมีพฤติกรรมโพสต์ภาพอาวุธปืน และจากการสืบสวนทราบว่า นายนิวัฒิฯ พักอาศัยอยู่บริเวณ ซอยพงศ์ศิริชัย 4 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร ซึ่งเชื่อว่าอาจจะเป็นสถานที่ ที่มีการซุกซ่อนยาเสพติดและอาวุธปืน จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ โดยผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้สืบสวนขยายผลและให้ดำเนินการไปขอหมายค้นต่อศาลอาญาตลิ่งชันในบริเวณบ้านดังกล่าว

 

 ต่อมาวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 เวลาประมาณ 07.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. นำหมายค้นของศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ ค.182/2567 ลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 ให้ตรวจค้น บ้าน ในซอยพงศ์ศิริชัย 4 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กทม. พบ นายนิวัฒิ ผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและได้แสดงบัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจให้ นายนิวัฒิ ดู 

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำหมายค้น ให้ นายนิวัฒิ ดูพร้อมทั้งอ่านข้อความในหมายค้นให้กับนายนิวัฒิฯ ดูจนเป็นที่เข้าใจแล้ว จึงให้ นายนิวัฒิ นำตรวจค้นภายในบริเวณบ้านพักของตน โดยสมัครใจและอยู่ร่วมดูการตรวจค้นโดยตลอด ผลการตรวจค้นบริเวณดังกล่าว พบ นายวิทยา และ นางสาวบี พักอาศัยอยู่ในบริเวณห้องพักชั้น 3 ของบ้านหลังดังกล่าวขณะตรวจค้น โดยผลการตรวจค้นพบ ยาเควางอยู่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ ภายในห้องพัก,และเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตัลวางอยู่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์เดียวกัน โดยนายวิทยา  ให้การรับสารภาพว่าของกลางยาเค (คีตามีน) เป็นของตน ซึ่งมีไว้เพื่อเสพภายในห้องพักดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (คีตามีน) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” 

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่าตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. ,พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. ,พล.ต.ท.ธิติแสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ให้เร่งรัดปราบปรามยาเสพติดในชุมชนที่บ่อนทำลายเยาวชน ผู้คนในสังคม และโพลต์อาวุธปืนกร่างตามโลกออนไลน์

บุกทลายแหล่งมั่วสุม รวบ ปอน หนองแขม วัย 21 ปี หัวจ่ายยาเสพติดชื่อดัง

รวมถึงกลุ่มที่ก่อปัญหาอาชญากรรมสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนตามนโยบายของรัฐบาลการปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมรายสำคัญในพื้นที่ให้หมดไปอย่างจริงจัง โดยใช้มาตรการการปราบปรามอาชญากรรมองค์กรอย่างเข้มงวดเชิงรุกทุกรูปแบบ  ซึ่งนับว่าเป็นบ่อเกิดอาชญากรรมอื่นๆที่จะตามมา อันสร้างความเดือนดร้อนและสร้างความเสียหายต่อสังคมในรูปแบบต่างๆ เป็นวงกว้าง สอดคล้องตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล