วันที่ 7 ส.ค.67 หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยมีมติเป็นเอกฉันท์ สั่ง ยุบพรรคก้าวไกล ฐานมีพฤติการณ์อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมสั่งตัดสิทธิ์ทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ทั้งชุดที่ 1 และ 2 จำนวน 11 คน เป็นเวลา 10 ปี ที่ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 25 มีนาคม 2564 จนถึง 31 มกราคม 2567
โดยหลังจากมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล ทางด้ารนายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ลุกขึ้นกล่าวในสภาฯ ภายหลังทราบคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค ว่า ตน, อภิชาติ ศิริสุนทร, เบญจา แสงจันทร์, สุเทพ อู่อ้น และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎรได้อีกต่อไป
ขอบคุณประธานและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนที่ได้ทำงานร่วมกัน ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ใช้ช่วงเวลาในฐานะผู้แทนราษฎรทำงานอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันสิ่งที่เราคิดว่าเป็นอนาคตของประเทศ
สุดท้ายพวกตนคงไม่มีโอกาสร่วมทำงานกับทุกคนอีกต่อไปอย่างน้อย 10 ปี แต่ก็หวังว่าหลังจากนี้เพื่อนผู้แทนราษฎรจะสามารถใช้อำนาจหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติในฐานะที่พี่น้องประชาชนเลือกเข้ามา เป็นสถาบันทางการเมืองเดียวในประเทศที่ถูกจัดตั้งโดยประชาชนอย่างคุ้มค่า และทำให้ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงที่ “อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน”
ในขณะที่ทางด้าน นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานในการประชุมสภาฯ กล่าวว่าสภาพการเป็น สส. ของตน สิ้นสุดเช่นเดียวกัน ขอขอบคุณและเป็นเกียรติที่ได้ทำงานร่วมกับทุกคน อยากบอกข้าราชการสภาฯ ทุกคนว่าตนเคารพและขอบคุณทุกคน ก่อนทิ้งท้ายอำนาจสูงสุดของประชาชน