ชาวเขมรซัดรัฐบาลเอาภาษีไปเลี้ยงนักกีฬาต่างชาติ แต่ไม่เอามาพัฒนาประเทศ : จากที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า กัมพูชา ที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬา ซีเกมส์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จะเริ่มเปิดฉากอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 พฤษภาคม นั้น ด้าน พลเอกเตีย บัญ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกลาโหม ในฐานะ ประธานจัดการแข่งขันซีเกมส์ เปิดเผยว่า "เราวางแผนในการใช้งบประมาณ 118 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับการจัดการแข่งขันครั้งนี้ ซึ่งฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับทุกคน"
อีกทั้ง ซินหัวสื่อในจีนระบุว่าว่า งบประมาณดังกล่าวยังไม่รวมงบการก่อสร้างสนามมรดกเตโช สนามกีฬากลางสำหรับการแข่งขันซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทางการจีน
ด้าน สมเด็จ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศให้ไม่เก็บค่าอาหาร-ที่พัก นักกีฬาต่อคนต่อวันที่ 50 เหรียญสหรัฐ ซึ่งในส่วนนี้ใช้งบประมาณถึง 7 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะเดียวกัน ยังยกเลิกการเก็บค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ รวมทั้งยกเลิกการขายตั๋วเข้าชมการแข่งขันทั้งหมดอีกด้วยเพื่อให้แฟนกีฬาเข้าชมฟรี
ขณะที่ ดร. ทอง คน รัฐมนตรีท่องเที่ยวกัมพูชา คาดว่าจะนักท่องเที่ยว และผู้ชมจากต่างประเทศเข้ามาถึง 500,000 คนในช่วงจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ และเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจกัมพุชาอีกครั้งหลังวิกฤตโควิด-19
และนั่น ทำให้เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการจัดการแข่งขันซีเกมส์ครั้ง 32 เมื่อชาวกัมพูชารายหนึ่งได้นำประเด็นเกี่ยวกับการนำเงินภาษีของประชาชนมาใช้เลี้ยงอาหารโค้ชและนักกีฬา ที่เดินทางมาแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ มาโยงเปรียบเทียบกับภาพแรงงานต่างด้าวที่ถูกจับกุมจากการลักลอบเข้ามาทำงานประเทศไทย โดยไร้การช่วยเหลือและดูแลจากรัฐบาลกัมพูชา
ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Daro Smile ได้โพสต์ภาพนักกีฬาชาวเวียดนามพร้อมกับอาหารที่หรูหราในโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งนำมาเปรียบเทียบกับภาพแรงงานชาวกัมพูชาที่ถูกจับกุมและติดคุกจากการลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย พร้อมกับระบุข้อความว่า
"ยืมเงินพวกเราไปก็คืนด้วย กัมพูชาไม่มีค่าใช้จ่ายสําหรับที่พักและอาหารให้ผู้เล่นและโค้ชต่างชาติในซีเกมส์ ซึ่งไม่มีประเทศไหนเขาบริการให้ฟรี สงสารประชาชนชาวเขมรที่เสียภาษี เอาเงินภาษีนั้นไปจ่ายคนรวย ภาพ 1 นักกีฬาเวียดนามกินอาหารฟรี ภาพ 2 แรงงานเขมรถูกล่ามโซ่ที่ประเทศไทย เอาเงินภาษีไปทําพาสปอร์ตหรือเอกสารให้แรงงานต่างด้าวจะดีกว่า"
อย่างไรก็ตาม ในประเด็นดังกล่าว ทำให้มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ โดยส่วนใหญ่จะวิพากษ์วิจารณ์ถึงการหลงประเด็นของผู้โพสต์ที่นำ 2 ประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกันมาโยงรวมกัน