เคลมไม่หยุด "กัมพูชา" งัดหลักฐาน "ยูยิตสู" มีต้นกำเนิดจากเขมร ไม่ใช่ญี่ปุ่น

11 พฤษภาคม 2566

กัมพูชา งัดหลักฐานเด็ด เคลม "ยูยิตสู" ศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่น มีต้นกำเนิดจากเขมร หลังเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งกีฬาซีเกมส์ 2023

ความเคลื่อนไหวการแข่งขัน ซีเกมส์ 2023 ล่าสุดในโลกออนไลน์ได้เกินเรื่องดราม่าเมื่อชาวกัมพูชารายหนึ่ง ได้ออกมาโพสต์อ้างศิลปะการต่อสู้ “ยูยิตสู” ของประเทศญี่ปุ่น นั้นมีต้นกำเนิดจากเขมร โดยงัดหลักฐานเด็ดเป็นรูปหินแกะสลักที่มีอายุมากกว่าพันปี โดยโพสต์ดังกล่าวมีการระบุว่า

 

เคลมไม่หยุด กัมพูชา งัดหลักฐาน ยูยิตสู มีต้นกำเนิดจากเขมร ไม่ใช่ญี่ปุ่น

 

"ยูยิตสู คือ กีฬาต่อสู้ของบรรพบุรุษเราในสมัยก่อนมีความร่ำรวยมาก ขณะนั้นดินแดนเขมรเจริญก้าวหน้ามาก วัฒนธรรมของบรรพบุรุษชาวเขมรสามารถมีอิทธิพลต่อประเทศอื่นได้ เนื่องจากสงครามของอาณาจักรเป็นเวลาหลายร้อยปี ศิลปะการต่อสู้จำนวนมากได้สูญหายและหายไป แต่ดูเหมือนว่าเขมรได้แกะสลักศิลปะการต่อสู้เหล่านั้นไว้บนกำแพงวัดเพื่อเป็นหลักฐานให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้วิธีการแกะสลักหินนั้นอีกครั้ง 


นี่คือหนังสือประวัติศาสตร์นิรันดร์ที่ไม่มีใครลบล้างได้ เป็นเอกสารประวัติศาสตร์ที่มีค่าที่สุดสำหรับชาวเขมร ต้องดูแลมรดกของบรรพบุรุษของเรา โปรดทราบว่าบรรพบุรุษของเขมรไม่ได้ลอกเลียนแบบวัฒนธรรมจากประเทศใดๆ ทุกอย่างแทบจะเป็นของตนเอง สร้างเอง ไม่ได้ลอกเลียนหรือรับมาเอง เนื่องจากขอมเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลกในยุคนั้น อาณาจักรขอมจึงรุ่งเรืองกว่าประเทศอื่นๆ บรรพบุรุษชาวเขมรมีปัญญามาก อะไรที่เป็นของพวกเขาก็ต้องสลักไว้บนหิน เพราะคิดว่าหินก้อนนี้เท่านั้นที่จะเก็บหลักฐานไว้ได้เป็นพันปี เขมรนี่สุดยอดจริงๆ"

 

เคลมไม่หยุด กัมพูชา งัดหลักฐาน ยูยิตสู มีต้นกำเนิดจากเขมร ไม่ใช่ญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตาม หากใครที่ติดตามข่าวสารวงการกีฬา คงจะพอทราบกันดีว่า กีฬายูยิตสู เป็นศิละปะการต่อสู้ที่ถูกบรรจุเข้ามาเป็น 1 ก๊ฬาที่ใช้ในการแข่งขันระดับโลก โดยประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นศิลปะการป้องกันตัวที่ทางประเทศญี่ปุ่นใช้มาอย่างยาวนาน จนเหมือนเป็นกีฬาประจำชาติ ซึ่งคล้ายกับมวนไทยในบ้านเรานั่นเอง


สำหรับ ยูยิตสู ในซีเกมส์ ครั้งที่ 32 มีการชิงชัยทั้งสิ้น 14 เหรียญทอง ซึ่งหลังจบการแข่งขัน ไทยคว้าได้ 6 เหรียญทอง ส่วนกัมพูชาคว้าได้ 3 เหรียญทอง

 

เคลมไม่หยุด กัมพูชา งัดหลักฐาน ยูยิตสู มีต้นกำเนิดจากเขมร ไม่ใช่ญี่ปุ่น