5 งูพิษ ในไทยที่ควรระวัง ถูกกัดเมื่อไหร่อันตรายถึงชีวิต
1.งูจงอาง
พบทั่วทุกภาคของประเทศไทย ความยาวเฉลี่ย 400 เซนติเมตร ยกตัวตั้งได้สูงถึง 1 ใน 3 ของความยาวลำตัว พิษร้ายแรงแต่น้อยกว่างูเห่า (แรงกว่าเพราะปริมาณพิษที่มากกว่า) อาการเหมือนงูเห่ากัด แต่รุนแรงและรวดเร็วกว่างูเห่าถึง 10 เท่า
2.งูเห่า
พบทั่วทุกภาคของประเทศไทย บริเวณที่ลุ่มค่อนข้างชื้น มีลายตรงกลางแม่เบี้ยบนด้านหลังของส่วนคอเรียกว่า “ลายดอกจัน” มีพิษร้ายแรง ทำให้แขนขาหมดแรงเริ่มมีอัมพาตของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการกลืนอาหาร อ้าปากไม่ขึ้น หายใจอึดอัด กระสับกระส่ายเพราะมีอัมพาตของกล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจ coma หยุดหายใจ และเสียชีวิต
3.งูสามเหลี่ยม
พบได้ตามที่ราบลุ่ม ป่าชายเลน ทุ่งนา มีสีดำสลับเหลืองตลอดตัวแนวของกระดูกสันหลังเป็นรูปสามเหลี่ยมชัดเจน พิษงูสามเหลี่ยมมีผลต่อระบบประสาทและระบบโลหิต ผู้ที่ถูกงูสามเหลี่ยมกัด จะเกิดการบวมอักเสบหรือเนื้อตายที่แผลน้อยมาก
และจะมีอาการทางระบบประสาท และหยุดหายใจเนื่องจากกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจหยุดทำงาน เป็นเหตุให้เสียชีวิตเพราะร่างกายขาดออกซิเจน
4.งูทับสมิงคลา
พบได้ตามพื้นดินที่ลุ่มชื้นใกล้แหล่งน้ำ มีสีดำสลับขาวเป็นปล้อง มีเกล็ดดำแซมอยู่ในปล้องขาว ส่วนท้องมีสีขาว ส่วนบนของหัวมีสีดำปนเทา เป็นงูที่ว่องไวปราดเปรียว เป็นงูที่พิษรุนแรงอันดับต้นๆ ของไทย มีผลต่อะระบบประสาททำให้คนที่โดนกัด มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง หนังตาตก หายใจเองไม่ได้จนเสียชีวิต
5.งูแมวเซา
พบได้ตามที่ดอนแห้ง ทุ่งนา ขดตัวนอนตามโพรงดิน ซอกหินหรือพงหญ้ารก พื้นลำตัวมีสีน้ำตาลอ่อนแต้มลายเป็นวงสีน้ำตาล หัวเป็นรูปสามเหลี่ยมปกคลุมด้วยเกล็ดขนาดเล็กลวดลายบนหัวมองดูคล้ายหัวลูกศร
พิษมีผลต่อระบบเลือดและ ยังมีพิษต่อไต ผู้ที่ได้รับพิษมากจะมีอาการของเลือดออกง่ายและเลือดออกจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งความดันต่ำไตเสื่อมและเสียชีวิต
หากเจองูพิษให้แจ้งเจ้าหน้าที่มาทำการจับไปปลอดภัยที่สุด แล้วพบกับสาระดีๆจาก Petพาเพลิน กันใหม่สวัสดีครับ