"ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์" ผู้ก่อตั้งบริษัทฯ ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการบริษัท บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เล่าว่า บริษัทฯ แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2536 เปิดตัวด้วยโครงการบ้านพฤกษา 1 ที่รังสิต-คลอง 8 จากนั้นได้เริ่มสร้างและขายทาวน์เฮาส์ในโครงการบีโอไอ (BOI) เพื่อสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยให้ได้มีบ้านเป็นของตัวเอง ด้วยการพัฒนาสินค้าทาวน์เฮาส์ให้มีจุดเด่นตรงตามความต้องการของตลาดและนำเทคโนโลยีการก่อสร้างมาใช้จนเป็นผู้นำในการปฏิวัติอุตสาหกรรมการก่อสร้างที่อยู่อาศัยด้วยพรีคาสท์ หลังจากประสบความสำเร็จในการทำทาวน์เฮาส์แล้วได้ศึกษาความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ต่อมาจึงได้สร้างโครงการที่อยู่อาศัยในรูปแบบอื่นเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม บ้านแฝด ซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าไปจนถึงระดับบน
นอกจากการพัฒนาโครงการแล้ว ตัวองค์กรก็มีการพัฒนาและก้าวหน้าเช่นกัน โดยมีเหตุการณ์ที่ต้องบันทึกไว้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญหลายเหตุการณ์ด้วยกัน เช่น
• ปี 2547 ก่อตั้ง โรงงานพฤกษาพรีคาสท์ ซึ่งทำให้พฤกษากลายเป็นผู้นำในวงการก่อสร้างบ้านด้วยการนำเทคโนโลยีพรีคาสท์จากเยอรมนีมาใช้ และยังได้ก่อสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูปแห่งแรกในประเทศไทย โดยใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้นด้วยมูลค่าเงินลงทุน 650 ล้านบาท
• ปี 2548 แปรสภาพเป็น บริษัทมหาชนจำกัด และทำการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปีเดียวกันนี้ ได้ขยายกลุ่มลูกค้าจากทาวน์เฮาส์ไปยังบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ ภัสสร โดยมุ่งเน้นให้ลูกค้าที่มีรายได้ปานกลางสามารถเป็นเจ้าของบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่มีพื้นที่ใช้สอยคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายมากที่สุด
• ปี 2550 เนื่องจากระบบขนส่งสาธารณะเปลี่ยนแปลง มีโครงการรถไฟฟ้าเกิดขึ้น ซึ่งส่งผลต่อแนวคิดการอยู่อาศัยของผู้บริโภค เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมสูงมาก พฤกษาจึงได้ปรับกลยุทธ์โดยก่อสร้างคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ไอวี่ เดอะซี๊ด และ ซิตี้วิลล์
• ปี 2557 เปิด โรงงานพฤกษาพรีคาสท์ โรงที่ 6 และ 7 โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยระดับโลก ทำให้พฤกษามีกำลังการผลิตบ้านสูงถึง 1,120 ยูนิตต่อเดือน และเป็น Green Factory แห่งแรกในประเทศไทยในอุตสาหกรรมการผลิต Precast Concrete ด้วยระบบ Concrete Recycling
• ปี 2563 เปิดตลาดพรีเมียมด้วยโครงการ เดอะ รีเซิร์ฟ เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดระดับบนให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทุกเซ็กเมนต์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้พฤกษา
ก่อตั้ง “พฤกษา โฮลดิ้ง” รองรับการเติบโต
หลังจากธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างมาก ในปี 2559 บริษัทฯ จึงได้ก่อตั้งโฮลดิ้งขึ้นโดยใช้ชื่อ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เพื่อรองรับและเพิ่มความคล่องตัวในการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจใหม่ที่สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง ผ่านกลยุทธ์หลัก 3 ประการ คือ 1) รักษาความเป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง 2) เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทฯ ในตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน และ 3) ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจใหม่ที่สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง
ขยายกิจการสู่ธุรกิจโรงพยาบาล
ธุรกิจโรงพยาบาลของพฤกษาเริ่มขึ้นในปี 2560 ภายใต้ชื่อวิมุต ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน ใช้งบลงทุน 5,000 ล้านบาท นับเป็นก้าวแรกของพฤกษาในการบุกธุรกิจสุขภาพ ซึ่งจะเป็นอีกแหล่งรายได้ประจำที่นอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์ และจะเพิ่มมูลค่าให้โครงการที่อยู่อาศัยด้วยบริการ Nursing Home ดูแลสุขภาพ และผู้สูงวัย ด้วยโมเดลคลินิกบ้านหมอวิมุต
“โรงพยาบาลวิมุตเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2564 เรามุ่งมั่นตั้งใจที่จะรักษาผู้ป่วยให้มีสุขภาพแข็งแรง พ้นทุกข์จากการเจ็บป่วยทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมีศูนย์เฉพาะทางและทีมแพทย์ที่ใส่ใจดูแลคนไข้เสมือนคนในครอบครัว พร้อมการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างตรงจุดด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย โดยมีค่าใช้จ่ายที่เข้าถึงได้” ทองมา กล่าว
2565 ปีแห่งการขยายธุรกิจใหม่
ปี 2565 เป็นอีกปีหนึ่งที่พฤกษาเกิดการเปลี่ยนแปลง ความเคลื่อนไหวที่สำคัญ คือ การจัดตั้งกองทุน Corporate Venture Fund มูลค่า 3,500 ล้านบาท เพื่อมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ตามเทรนด์โลกอนาคต โดยมุ่งเน้น 2 ด้านที่จะมาสนับสนุนธุรกิจหลัก ได้แก่ PropTech เช่น โซลูชันที่มุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า การขายและการตลาดดิจิทัล รวมทั้ง Smart Home IoT และ Senior Living อีกด้านหนึ่ง คือ Health Tech ซึ่งจะมุ่งเน้นแพลตฟอร์มด้านบริการทางการแพทย์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานธุรกิจสุขภาพ และอุปกรณ์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้ขยายธุรกิจใหม่ด้านอีคอมเมิร์ซด้วยการก่อตั้งบริษัท ซินเนอร์จี โกรท จำกัด เพื่อใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นเครื่องมือในการขยายธุรกิจ รวมทั้งก่อตั้ง บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด เพื่อรองรับความต้องการด้านพรีคาสท์ และก่อตั้งบริษัทร่วมทุนในชื่อบริษัท ปัน นิวเอนเนอจี จำกัด ดำเนินธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งโซลาร์รูฟ เพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือกโดยยังมุ่งใช้กลยุทธ์ซินเนอร์จี้ ผสานจุดแข็งของแต่ละธุรกิจ เสริมความแข็งแกร่งของบริษัทในเครือ
มีการประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในระดับภูมิภาค จัดตั้งกองทุน “CapitaLand SEA Logistics Fund” ร่วมกับ 2 บริษัทชั้นนำ คือ แคปปิตอลแลนด์ อินเวสเม้นท์ กรุ๊ป (CapitaLand Investment Group หรือ CLI) ยักษ์ใหญ่กลุ่มธุรกิจจัดการการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก และแอลลี่ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้ (Ally Logistic Property หรือ ALP) ผู้ให้บริการโซลูชันคลังสินค้าแบบครบวงจรที่ล้ำสมัยที่สุดในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของไต้หวัน เพื่อลงทุนและพัฒนาทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์สำหรับอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่ใช้ในประเทศสำคัญๆ ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
2566 มอบที่อยู่อาศัยแบบ Live well, Stay well พร้อมปัจจัยสุข “สุขภาพดี ชุมชนดี”
ต้นปี 2566 พฤกษาได้ประกาศจุดหมายใหม่ด้วยการประกาศจุดหมายใหม่ขององค์กร โดยการส่งไม้ต่อให้ทีมผู้บริหารใหม่ที่นำทัพโดยซีอีโอมืออาชีพ “อุเทน โลหชิตพิทักษ์” พร้อมทีมบริหาร ส่งมอบคุณค่าการอยู่อาศัยกับวิถีชีวิตแบบ “Live well Stay well” ประกาศเทรนด์การอยู่อาศัยใหม่จะไม่มุ่งพัฒนาเพียงโครงการบ้านสวยด้วยนวัตกรรมดีไซน์เท่านั้น หากต้องผนวกการสร้าง “ปัจจัยสุข” มีสุขภาพดี ชุมชนดี เติมเต็มคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยในความหมายของการ “อยู่ดี มีสุข” อย่างแท้จริง ด้วยแผนยุทธศาสตร์หลักที่เน้นการผนึกพลังองค์กร 3 ธุรกิจในเครือ ซึ่งเป็นการผสานพลังแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยีเชื่อมต่อสู่การพัฒนาสินค้า-บริการที่สร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับให้การอยู่อาศัยมีความสะดวกสบายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ใหม่ในยุคดิจิทัล ตั้งเป้ามีสินทรัพย์ 100,000 ล้านบาท ที่สามารถสร้างรายได้ต่อเนื่อง (recurring income) ได้มากกว่า 25% ภายในปี 2571
โดย 3 ธุรกิจในเครือ คือ อสังหาริมทรัพย์ เฮลธ์แคร์ และอีคอมเมิร์ซ จะผสานพลังเพื่อยกระดับการอยู่อาศัยให้มีความสะดวกสบายตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล เช่น การใช้แนวคิดบ้านแบบ Multi Gen ที่รองรับคนทุกวัย การใช้โฮมออโตเมชันมาจัดการให้ชีวิตดีขึ้น เชื่อมโยงการใช้ชีวิตด้วยเทคโนโลยีผ่านแอปพลิเคชัน MYHAUS ที่ควบคุมIoT ในบ้านได้เพียงปลายนิ้ว การใช้พลังงานทางเลือกอย่างโซลาร์รูฟ EV-Charger และการร่วมมือกับโรงพยาบาลวิมุตเพื่อมอบบริการดูแลสุขภาพและสิทธิประโยชน์แก่ลูกบ้าน ไม่เพียงเท่านี้ พฤกษา เรียลเอสเตท ยังมีแผนที่จะร่วมกับพันธมิตรภายนอกที่จะมาสร้างความอยู่ดี มีสุขให้เพิ่มขึ้นด้วย
“เจตนารมณ์ของเราตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ คือ ทำให้คนไทยมีบ้านที่อยู่อย่างมีความสุข เราต้องขอบคุณคนไทยกว่า 260,000 ครอบครัว ที่ไว้ใจให้พฤกษาดูแลตลอด 30 ปีที่ผ่านมา และเราจะมุ่งมั่นสร้างการอยู่อาศัยที่ดี เพื่อให้ทุกชีวิตที่พฤกษาอยู่ดี มีสุข มากที่สุด” คุณทองมา กล่าวทิ้งท้าย