มากกว่า28ปี ที่ บริษัท ซีเมนส์ โมบิลิตี้ จำกัด บริษัทนวัตกรรมและเทคโนโลยีคมนาคมขนส่งทางราง สัญชาติเยอรมันในไทย ได้ดูแลและจัดการโครงการระบบรถไฟต่างๆ ได้เชื่อมต่อคมนาคมในประเทศไทย เช่น รถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว รถไฟฟ้ามหานครสายสีน้ำเงินและส่วนต่อขยาย บริษัท ซีเมนส์ โมบิลิตี้ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการศึกษาและพัฒนาบุคคลากรที่มีคุณภาพ
จึงร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ รวมถึง สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 จัดทำโครงการการจัดการอาชีวศึกษาทวิภาคี ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) จนถึงปัจจุปัน เพื่อยกระดับและพัฒนาทักษะวิชาชีพของนักศึกษาอาชีวศึกษาในหลากหลายวิทยาลัยและสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อรองรับตำแหน่งงานในอนาคต
ล่าสุดในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 คุณโธมัสค์ มาซัวร์ ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร บริษัท ซีเมนส์ โมบิลิตี้ จำกัด ร่วมด้วย ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และศูนย์อาชีวศึกษาทวิภาคี ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือจัดทำโครงการการจัดการอาชีวศึกษาทวิภาคี ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ปีพ.ศ. 2566-2568
โดยนักศึกษาที่ถูกคัดเลือกเข้าโครงการจะมีโอกาสได้เรียนรู้กระบวนการ การซ่อมบำรุงในด้านเทคนิครวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆจากเยอรมนีเป็นเวลา 7เดือน หมุนเวียนตามแผนกต่างๆในสถานที่ทำงานจริง จากหลายโครงการที่บริษัทซีเมนส์ โมบิลิตี้ ดูแลอยู่ เช่น รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที และ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์
อีกทั้งตลอดระยะเวลาการเข้าร่วมโครงการ บริษัท ซีเมนส์ โมบิลิตี้ มีสวัสดิการจัดให้กับนักศึกษาและมีอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยส่วนบุคคลในการทำงาน รวมทั้งสนับสนุนทุนการศึกษาและให้โอกาสการทำงานหลังจบโครงการอีกด้วย
คุณโธมัสค์ กล่าวว่า “ปีนี้ถือเป็นปีที่ 19 ของการจัดทำโครงการการศึกษาทวิภาคีในประเทศไทย และเป็นปีที่ 10 ของการของการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กับ บริษัท ซีเมนส์ โมบิลิตี้ จำกัด บันทึกความเข้าใจความฉบับนี้ เราได้ขยายโครงการให้ครอบคลุมวิทยาลัยเทคนิคทุกแห่งในประเทศไทย โดยเป้าหมายของเราทุ่มเทและขยายโอกาสให้กับนักศึกษามากขึ้น และสนับสนุนครอบครัวของนักศึกษาเรื่องค่าใช้จ่ายในการการศึกษา
เพราะเราเห็นความสำคัญของความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา ความเสมอภาคและความยุติธรรม และการอยู่รวมกันในสังคมของเรา เราเชื่อมั่นว่าโครงการฯนี้ จะสร้างโอกาสที่ดีในการทำงานให้กับนักศึกษา ที่เข้าร่วมโครงการ รวมถึงเป็นการสร้างกลุ่มแรงงานคนไทยที่มีทักษะชำนาญการ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของระบบคมนาคมขนส่งทางรางที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย”