เพจดังโพสต์วาร์ป นายพล พ่อคู่กรณี "แสตมป์" บารมีล้นฟ้า ข่มขู่ยัดคดีการเมือง
ชาวเน็ตแชร์สนั่น เพจดังเปิดวาร์ป "ทหารยศนายพล" พ่อคู่กรณี "แสตมป์ อภิวัชร์" บารมีล้นฟ้า ก่อวีรกรรมคุกคาม ข่มขู่ยัดคดีการเมือง
จากประเด็นร้อน เมื่อนักร้องชื่อดัง แสตมป์ อภิวัชร์ ประกาศกลางเวทีคอนเสิร์ตเผยสาเหตุหายหน้าไปเกือบ 2 ปี เนื่องจาก นิว จีริสุดา ภรรยาสาวถูกคุกคาม หายเงียบจากวงการเพลงไปเพื่อฟ้องร้องคน 2 คน ที่บุกมาถ่ายคลิปแบล็กเมล์ภรรยาหลังเวที คุกคามภรรยามาเป็น 10 ปีแล้ว ทั้งที่ไม่รู้จักกัน มีการฟ้องร้องจนฝ่ายภรรยา แสตมป์ ชนะคดี แต่ดูเหมือนว่าเรื่องไม่จบ โดยมี "ทหารยศนายพล" พ่อคู่กรณี บารมีล้นฟ้า ก่อวีรกรรมคุกคาม ข่มขู่ยัดคดีการเมืองให้แสตมป์
โดย แสตมป์ อภิวัชร์ ได้ออกมาเปิดใจบนเวทีงานคอนเสิร์ตหนึ่ง เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา เผยสาเหตุที่หายไป โดยระบุว่า "ขอบคุณทุกคนที่ยังจำผมได้อยู่นะครับ ผมขอเล่าเรื่องบางเรื่อง ซึ่งมันจะปกป้องชีวิตคนในครอบครัวผมได้ แล้วผมเอามันออกมาสู่แสงสว่าง เพราะว่าภรรยาผมถูกโจมตีในที่มืดมานานเกินไปแล้ว ผมหายไปเพื่อฟ้องร้องคน 2 คน ที่บุกมาถ่ายคลิปแบล็กเมล์ภรรยาผมหลังเวที มันเริ่มจากมีคนๆ หนึ่งสร้างสถานการณ์ ทำให้เกิดความเกลียดชัง สร้างความเข้าใจผิดให้กับภรรยาผมในวงการเพลง ทั้ง ๆ ที่เขาไม่รู้จักส่วนตัวกับภรรยาผมมาก่อน แล้วก็มีคนเชื่อถึงขั้นมาโพสต์ด่าโจมตี บุกรุกมาหลังเวที จนผมทำงานไม่ได้ คน ๆ นี้ โผล่หน้ามาให้ภรรยาผมรำคาญใจมาเป็น 10 ปีแล้ว ทั้งที่ไม่รู้จักกัน"
"แต่เรื่องมันร้ายแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในปี 2565 มีตัวละครเพิ่มขึ้นมา ซึ่งคือแฟนหนุ่มของเขา ซึ่งทำงานอยู่ในวงดนตรีวงหนึ่ง ทำให้ฝ่ายหญิงมีป้ายห้อยคอที่จะบุกรุกเข้ามาหลังเวที ในช่วงปี 2565 ขณะที่ผมเล่นดนตรีบนเวที 2 คนนี้จะแวะมาโฉบผ่านหน้าภรรยาผม บางครั้งก็สร้างสถานการณ์มานั่งร้องไห้ใกล้ ๆ ภรรยาผม ซึ่งภรรยาผมก็ไม่รู้มันคืออะไร แต่เธอก็ไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากให้ผมเป็นข่าว เธอใช้วิธีการหลบเลี่ยงเอา ภรรยาผมบอกกับผู้จัดการว่า ขอไม่รับงานร่วมกับวงดนตรีวงนี้ไปก่อน คิดว่าจะจบได้โดยไม่มีการปะทะกัน"
"จนวันที่ 26 ก.พ. 2566 มีงานคอนเสิร์ตที่ เดอะสตรีท รัชดา เราทราบไม่กี่วันก่อนหน้าว่า เราต้องเล่นกับวงดนตรีวงนี้ เราแคนเซิลไม่ทัน เมื่อไปถึงพบว่าคู่กรณีทั้ง 2 คน มาดักหน้าห้องพักศิลปิน พอเห็นภรรยาผม ทั้งสองพุ่งเข้ามาหาภรรยาผม พูดจากล่าวหาใส่และมีคนอัดคลิปวิดีโอไว้ แล้วไปบอกคนในวงการเพลงว่า บังเอิญเจอภรรยาผมหลังเวที แล้วหาว่าภรรยาผมไปคุกคามเขาโดยไม่มีสาเหตุ จากนั้นเราเริ่มใช้การ์ดมาดูแลความปลอดภัย คอยลาดตระเวนก่อนคอนเสิร์ตเริ่มว่ามี 2 คนนี้มาไหม"
"ผ่านไปไม่นาน ทั้ง 2 คนย้ายไปทำงานกับอีกวงดนตรีหนึ่ง ตนก็ติดต่อไปหาหัวหน้าวงนั้นว่า ขอไม่รับงานร่วมกัน เพื่อความปลอดภัย ไม่อยากปะทะ ไม่อยากเป็นข่าว ก็คิดว่าจะจบได้ดี จนวันที่ 21 ต.ค. 2566 ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ก็ไปเจอกับหญิงคนเดิมนี้ที่รออยู่ ภรรยาเลยพาผมเบี่ยงตัวออกไป หลบในห้องพักนักดนตรี จนพอผมเตรียมขึ้นแสดง เปิดประตูมาเจอหญิงคนนี้ชูมือถือถ่ายอยู่หน้าห้อง แล้วไปโพสต์ในโซเชียลว่าภรรยาผมไปคุกคามเขาเช่นเดิม"
"28 ต.ค. 2566 ทั้ง 2 คนนี้ ไปนั่งดักรอเจ้าของค่ายเพลง ค่ายใหญ่ที่สุดค่ายหนึ่งในประเทศ ทั้งที่ไม่รู้จักกัน แล้วไปร้องไห้ฟ้องว่าถูกคุกคามโดยภรรยาผม ผู้ใหญ่ท่านนั้นรับฟังให้คำปรึกษา ก่อนติดต่อมาหาผมเพื่อฟังความอีกข้าง ผมจึงเล่าความจริงไป จนในปีที่ผ่านมา ผู้ใหญ่ท่านนั้น ยอมไปขึ้นศาล เพื่อเป็นพยานให้ว่า 2 คนนี้ทำลายชื่อเสียงภรรยาผม"
"ผมตัดสินใจโทรฯ หานักร้องนำวงนี้ ที่เขาสังกัดอยู่ ขอโทษที่ร่วมงานกันไม่ได้ ตราบใดที่ 2 คนนั้นยังอยู่กับคุณ เราทำงานไม่ได้จริง ๆ ตลอดการสนทนา ก็แน่ใจได้ว่านักร้องท่านนี้อัดเสียงผมอยู่ตลอด นั่นแปลว่า 2 คนนั้นไปบลัฟไว้ก่อนแล้ว ว่าภรรยาผมไปคุกคามเขาและเขาเชื่อ แต่ภรรยาผมจะไปคุกคามเขาก่อนได้อย่างไร เมื่อทุกครั้งที่เกิดเหตุ มันเกิดที่หน้าห้องพักศิลปินของผม"
"ในเมื่อภรรยาผมไม่ปลอดภัย และไม่มีใครช่วยเราได้ ผมจึงต้องไปพึ่งศาล ไม่เช่นนั้น 2 คนนี้ จะไปวาดภาพว่าภรรยาผมไปทำอะไรก็ได้ แต่เรื่องที่น่ากลัวที่สุดของครอบครัวผมก็เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนี้ครับ"
- "ระหว่างที่ไปศาลกัน พ่อของจำเลยท่านหนึ่ง เป็นทหารยศนายพลจากพิษณุโลก มาขึ้นศาลแทนลูกของเขา พร้อมบอกว่าขอให้ผมกับภรรยาถอนฟ้องลูกของเขาซะ ไม่เช่นนั้นผมจะโดนยัดคดีทางการเมือง นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นในศาล"
"ขณะที่นอกศาล นายพลท่านนี้เคยขับรถไปบ้านแม่ของผม บอกว่าเป็นแฟนคลับ เอาของมาให้ แล้วถ่ายรูปแม่ผมเก็บไว้ ส่วนภรรยาของนายพลแฝงตัวเข้าไปในกรุ๊ป Open Chat แฟนคลับ เพื่อสืบว่าไปเล่นคอนเสิร์ตที่ไหน แล้วแฝงตัวเข้าไปดูคอนเสิร์ต พยายามแสดงตัวให้เห็นว่าจับตาดูอยู่ตลอด จนผมตัดสินใจปิด Open Chat"
"แต่คู่กรณียังคงตามติดตลอดทั้ง หน้าโรงแรมที่เราพัก ปั๊มน้ำมันที่เราเข้า หนักที่สุดเคยมานั่งข้าง ๆ ผมบนเครื่องบิน ระหว่างที่ทำการฟ้องร้อง ผมลองตรวจสอบดู พบว่ามีการล็อกที่นั่งไว้จริง ๆ จากเพื่อนของเขาสมัยมหาวิทยาลัย ที่ทำงานสายการบินนั้น หลังจากนั้นผมไม่รับงานที่ไหน ๆ ที่ต้องเดินทางด้วยเครื่องบินอีกเลย และขอไม่รับงานใด ๆ อีกจนกว่าศาลจะคุ้มครองเรา"
"วันที่ 30 พ.ค. 2567 เราชนะคดีได้ ด้วยการที่จำเลยรับสารภาพเอง ตอนนั้นเขาจำนนต่อหลักฐานในชั้นสืบพยาน มีการยกมือไหว้ภรรยาผม ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา และจะไม่ยุ่งกับภรรยาผมอีก แต่พอผ่านมา 2 สัปดาห์ เขาก็มาโพสต์ด่าภรรยาผมเหมือนเดิม"
"ผมเลยบอกว่าไม่อยากให้มายุ่งแล้ว ช่วยทำตามคำสั่งศาลด้วย ไม่เช่นนั้นจะเอาเรื่องอย่างเด็ดขาด และเอาข้อมูลทั้งหมดมาเปิดเผย ทั้งชื่อวงดนตรีที่จำเลยทำงานอยู่ รวมไปถึงชื่อนายพลด้วย"
ล่าสุดทางด้าน เพจเฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ ได้ออกมาโพสต์วาร์ป นายพล พ่อคู่กรณี "แสตมป์" บารมีล้นฟ้า ข่มขู่ยัดคดีการเมือง ซึ่งเป็นชายแต่งกายคล้ายทหารคนหนึ่ง (เบลอใบหน้า) ลงภาพและรายละเอียดระบุว่า
"จากที่ สแตมป์ อภิวัชร์ พูดบนเวทีมีประโยคนึงพูดว่าเพราะพ่อของจำเลย(ลูกสาว) "เป็นทหารยศพลตรี" มาขึ้นศาลแทนลูกสาว แบกเอกสารมาปึกใหญ่ แล้วก็บอกด้วยว่าตัวเองกำลังจะบรรจุเป็นองครักษ์ โดยขอให้สแตมป์และภรรยาถอนฟ้องลูกสาวของตน ไม่งั้นจะยัดคดีทางการเมืองให้
จากนั้นนายพลรายนี้ยังขับรถไปที่บ้านแม่สแตมป์ บอกว่าเป็นแฟนคลับของคุณสแตมป์ ถามว่าบ้านราคาเท่าไหร่ เอาของไปให้แล้วก็ถ่ายรูปเก็บเอาไว้
ส่วนภรรยาของนายพลก็แฝงตัวเข้าไปในกรุ๊ป Open Chat ของแฟนคลับสืบว่าไปเล่นคอนฯ ที่ไหน แล้วก็เข้าไปดูคอนเสิร์ตโดยพยายามแสดงตัวให้สแตมป์รู้ว่าพวกเค้ากำลังจับตาดูอยู่ทุกฝีก้าว จนสแตมป์ตัดสินใจปิด Open Chat
จะใช่ครอบครัวหรรษา พ่อ แม่ ลูก นี้หรือไม่ เรื่องนี้สแตมป์ออกมาเปิดเอง ถึงเวลาที่ต้องออกมาพูดให้กระจ่าง"
ขอบคุณ อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ , SarutaTa