นางสั้น คงเมือง อายุ 61 ปี เกษตรกรชาวสวนยางพารา อ.เมือง จ.ตรัง เปิดเผยถึงรายได้จากการขุดข่าอ่อน หรือข่าตาแดงขาย ว่าสามารถสร้างรายได้สูงสุดถึงวันละกว่า 1,000 บาท
เนื่องจากมีแม่ค้าในหมู่บ้านเดินทางมารับซื้อถึงที่ ราคากิโลกรัมละ 35 บาท แต่ถ้าเป็นช่วงหน้าแล้ง ข่าอ่อนจะมีราคาสูงขึ้นอีกเท่าตัว ส่วนที่มาของอาชีพปลูกข่า เริ่มจากเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ไปขุดหน่อข่าตาแดงมาจากสวนปาล์มน้ำมันของหลานชาย นำมาปลูกเล่น ๆ ไว้กินในครัวเรือนเพียง 1 ร่อง ต่อมาหน่อข่าเริ่มแตกกอและหน่อมากขึ้น จึงทดลองนำไปขายให้เพื่อนบ้าน ปรากฏว่ามีไม่พอขาย จึงเริ่มขยายพื้นที่ปลูก โดยตัดโค่นต้นยางพาราออกทั้ง 4 ไร่ เพื่อปลูกข่าตาแดงจนเต็มพื้นที่
จากนั้นเพียง 5 เดือน ก็เริ่มทยอยขุดข่าอ่อนขายได้วันละ 5-10 กิโลกรัม และขายได้ทุกวันตลอดทั้งปี สูงสุดเคยขุดหน่อข่าขายได้วันละ 35 กิโลกรัม สร้างรายได้เดือนละกว่า 30,000 บาท หรือกว่า 200,000 บาทต่อปี ทำให้ปัจจุบันกลายเป็นอาชีพหลักที่สร้างรายได้ให้อย่างงดงาม
ทั้งยังเป็นการลงทุนปลูกแค่ครั้งเดียว เมื่อข่าเจริญเติบโตเต็มที่ก็จะแตกหน่อออกมาเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องไปหาซื้อต้นพันธุ์มาปลูก ส่วนปุ๋ยนั้นใช้ปุ๋ยคอกสลับกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ปีละ 1-2 ครั้ง ต้นทุนไม่เกิน 5,000 บาท แต่รายได้หลักแสนบาทเลยทีเดียว
และเมื่อเปรียบเทียบการปลูกข่ากับพืชอย่างอื่น ข่าดีกว่าเพราะปลูกครั้งเดียวได้ผลตลอดปี แต่ปลูกมะเขือ ปลูกพริก เป็นพืชล้มลุก ต้องปลูกใหม่ทุกรอบ อย่างตนเองตอนแรกตั้งใจปลูกไว้ 1 ร่อง พอได้ผลผลิตก็ปลูกมากขึ้น และเก็บขายได้ทุกวัน ซึ่งข่าของที่นี่หน่อใหญ่ ไม่เผ็ด รสชาติกำลังดี สามารถใช้เป็นยาแก้ร้อนใน แน่นหน้าอก เพราะข่ามีสรรพคุณทางยา ช่วยขับลม ช่วยย่อยอาหาร รักษาอาการข้ออักเสบ รักษาโรคกลากเกลื้อน มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งเซลส์มะเร็งอีกด้วย
โดยมีลูกค้าแวะมาซื้อถึงบ้าน เวลามีงานศพหรืองานต่าง ๆ ชาวบ้านก็จะมาสั่ง ทำให้ขายได้ตลอดทุกวันไม่มีวันหยุดกันเลยทีเดียว ส่วนใครสนใจจะมาศึกษาดูงาน สามารถเดินทางไปได้ที่หมู่ 12 ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง หรือติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ 094-7387247
ภาพ-คลิปข่าว จาก ถนอมศักดิ์ หนูนุ่ม สำนักข่าวเนชั่น จ.ตรัง