ประโยชน์ของมะม่วง ผลไม้มากคุณค่าที่กินได้ทั้งสุกและดิบ

- สารต้านอนุมูลอิสระ

มะม่วงเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยปกป้องเซลล์ของคุณจากอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ และยังสามารถต้านโรคเรื้อรังต่างๆ ได้ดีอีกด้วย

- ควบคุมระดับความดันโลหิต
 มะม่วงเป็นผลไม้ที่สามารถลดระดับความดันโลหิตได้ เพราะในมะม่วงมีสารอาหารที่สำคัญต่อระบบการไหลเวียนของเลือดอย่­­­างโพแทสเซียมและแมกนีเซียม ทำให้ระดับความดันโลหิตถูกควบคุมให้อยู่ในระดับที่ปกติ

- เพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย

มะม่วงเป็นแหล่งของวิตามินเอ ที่จะช่วยเสริมให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง ช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อต่างๆ มีวิตามินซีที่มีคุณสมบัติช่วยร่างกายผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวต่อสู้กับโรคต่างๆ

- ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น

ในมะม่วงนั้นมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยสลายโปรตีนให้ง่ายต่อการ­­­ดูดซึมของร่างกาย ขณะที่ไฟเบอร์ในมะม่วงก็สามารถช่วยในการย่อยอาหารได้ดีอีกด้วย

- ช่วยบำรุงหัวใจ

มะม่วงมีแมกนีเซียมและโพแทสเซียมซึ่งช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง ให้หลอดเลือดผ่อนคลาย ลดความดันโลหิต มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า แมงจิเฟอริน ช่วยปกป้องหัวใจจากภาวะความเครียดต่างๆได้อีกด้วย

- บำรุงสายตา

 มะม่วงมีวิตามินเอสูง จึงช่วยบำรุงสายตาบรรเทาอาการตาแห้ง นอกจากนี้ยังสามารถช่วยป้องกันการเสื่อมของจอประสาทตาเมื่ออายุ­­­มากขึ้น

- ดูแลสุขภาพผมและผิว

วิตามินซีที่อยู่ในมะม่วงนอกจากจะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายแล้ว ยังช่วยสร้างคอลลาเจนทำให้เส้นผมแข็งแรง กระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม สร้างความชุ่มชื้น และยังทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งอีกด้วย

- ป้องกันโรคมะเร็ง

มะม่วงมีโพลีฟีนอลสูงซึ่งมีคุณสมบัติต้านมะเร็ง งานวิจับพบว่า โพลีฟีนอยด์ช่วยลดความเครียดและหยุดการเจริญเติบโตหรือทำลายเซลล์มะเร็งหลายชนิดรวมถึงมะเร็งต่างๆ เช่น เม็ดเลือดขาว ลำไส้ใหญ่ ปอด ต่อมลูกหมาก และเต้านม

- ข้อควรระวัง

มะม่วงสุกมีน้ำตาลสูง จึงไม่ควรรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงและผู้ป่วยโรคเบาหวาน     

มะม่วงดิบส่วนมากมีรสเปรี้ยว ถ้ากินมากเกินไปอาจทำให้ปวดท้องหรือท้องเสียได้