แพทย์แนะนำ 9 วิธีรักษา “หลุมสิว” ที่ได้ผลจริงและปลอดภัย

02 พฤศจิกายน 2565

แพทย์แนะนำ 9 วิธีรักษา “หลุมสิว” ที่ได้ผลจริงและปลอดภัย คือรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว มักหลงเหลือจากสิวอักเสบและสิวขนาดใหญ่ เช่น สิวหัวช้าง ที่เกิดบนผิวแต่รักษาได้ไม่สมบูรณ์ แผลสมานไม่เต็มที่ ทำให้เกิดเป็นหลุมสิว

แพทย์แนะนำ 9 วิธีรักษา “หลุมสิว” ที่ได้ผลจริงและปลอดภัย หลุมสิว (Atrophic Scars) คือรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว มักหลงเหลือจากสิวอักเสบและสิวขนาดใหญ่ เช่น สิวหัวช้าง ที่เกิดบนผิวแต่รักษาได้ไม่สมบูรณ์ แผลสมานไม่เต็มที่ ทำให้เกิดเป็นหลุมสิวได้ โดยหลุมสิวจะมีลักษณะเป็นหลุม เป็นรอยบุ๋มในผิว ผิวไม่เรียบเนียนเท่ากัน
 

แพทย์แนะนำ 9 วิธีรักษา “หลุมสิว” ที่ได้ผลจริงและปลอดภัย

ประเภทของหลุมสิว

หลุมสิวจะมีหลายประเภทขึ้นกับลักษณะของหลุมสิว เช่น 

Ice pick scar คือหลุมแผลเป็นที่มีลักษณะฐานแคบและลึก ขอบเขตชัด หลุมกล่อง หรือ 
Boxcar scar คือหลุมแผลกว้าง ขอบหลุมเป็นแนวตั้งชัด มีทั้งแบบตื้น และแบบลึก 
Rolling scar คือหลุมแผลโค้ง มีพังผืดเกาะใต้หลุมสิวติดกับชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้เห็นเป็นแอ่ง ขอบมน 

วิธีรักษาหลุมสิว
การรักษาหลุมสิวขึ้นกับชนิดและความรุนแรงของหลุมสิวที่พบ ซึ่งในบุคคลหนึ่งสามารถพบหลุมสิวได้มากกว่าหนึ่งชนิด การรักษาสามารถทำได้โดยใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง หรือหลายวิธีร่วมกันเพื่อประสิทธิผลในการรักษาที่มากขึ้น โดยต้องคำนึงถึงหลายปัจจัยเช่น ระยะการพักฟื้นผิว ผลข้างเคียงหลังการรักษา ค่าใช้จ่าย ความคาดหวังของผู้ทำการรักษา เป็นต้น

แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติม วิธีรักษาหลุมสิวในปัจจุบันมีดังนี้

1. การเลาะพังผืด หรือ subcision โดยใช้เข็มตัดเลาะพังผืดที่ดึงรั้งหลุมสิว วิธีนี้เหมาะสำหรับการรักษาหลุมสิวชนิด rolling scar และ box car หรือแผลเป็นที่มีขอบชัดและมีขนาดลึก โดยอาจใช้ร่วมกับการรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น การฉีดฟีลเลอร์ใต้ผิวบริเวณที่มีการใช้เข็มตัดพังผืดหรือเลเซอร์
2. การศัลยกรรมหลุมสิว เช่น การผ่าตัดหลุมสิวออก ซึ่งเหมาะกับหลุมสิวชนิด ice pick หรือแผลเป็นหลุมที่มีปากหลุมขนาดเล็กไม่เกิน 3 มิลลิเมตร หรือการผ่าตัดยกหลุมสิวให้เสมอกับผิวปกติ เช่น หลุมสิวชนิด box car ที่มีขนาดเล็ก
3. การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี เช่น กรดผลไม้ เหมาะสำหรับหลุมสิวขนาดเล็กและตื้น
4. การแต้มหลุมสิวด้วยกรดไตรคลอโรอะเซติกขนาดความเข้มข้นสูง ซึ่งได้ผลดีในหลุมสิวชนิดปากหลุมแคบ ice pick แต่ก็สามารถใช้รักษาหลุมสิวชนิดอื่นได้ด้วยเช่นกัน
5. การใช้เครื่องมือเลเซอร์ (LASER) เกลี่ยผิว เป็นการทำให้เกิดการบาดเจ็บในชั้นผิวหนัง หลังจากนั้นจะเกิดกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้น ทำให้คอลลาเจนเกิดการจัดเรียงตัวใหม่และส่งผลให้แผลเป็นหลุมสิวตื้นขึ้นมาได้ สามารถแบ่งออกเป็นเลเซอร์ที่ทำให้เกิดแผล และเลเซอร์ชนิดที่ไม่ทำให้เกิดแผล สำหรับการรักษาหลุมสิวชนิด box car และ rolling การรักษาแผลเป็นด้วยการเกลี่ยผิวด้วยเลเซอร์นั้น ต้องใช้การรักษาหลายครั้ง สำหรับระยะห่างในการรักษาในแต่ละครั้ง จะใช้เวลาอย่างน้อย 4 สัปดาห์ขึ้นไป
6. การรักษาด้วยการกรอผิว เป็นการทำให้เกิดแผลที่ผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวมีความสม่ำเสมอ แต่อาจมีผลข้างเคียงในเรื่องของหน้าแดง หรือการไวต่อแสงแดดมากกว่าการรักษาด้วยเลเซอร์ และใช้ระยะเวลาพักฟื้นผิวนานกว่าเลเซอร์รักษาหลุมสิวบางชนิด การรักษาด้วยการกรอผิว สามารถใช้กับหลุมสิวชนิด rolling หรือ box car ได้
7. การรักษาด้วยเข็มขนาดเล็ก เป็นการทำให้เกิดแผลขนาดเล็กที่หลุมสิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน วิธีนี้เหมาะกับการรักษาหลุมสิวชนิด rolling และ box car แบบตื้น และอาจจะต้องอาศัยความถี่ในการรักษา
8. การรักษาด้วยคลื่นวิทยุ สามารถใช้รักษาได้ทั้งในหลุมสิวชนิด ice pick box car และ rolling เหมาะกับหลุมที่มีขนาดลึก ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันในแต่ละชนิดของหลุมสิว ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน และอาจช่วยลดขนาดรูขุมขนได้
9. การรักษาด้วยพลาสมาหรือน้ำเลือดของผู้เข้ารับการรักษา โดยฉีดเข้าไปที่หลุมสิว หรืออาจใช้ร่วมกับการรักษาหลุมสิววิธีอื่น เพื่อให้แผลที่เกิดจากการรักษาหายเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมถึงประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิว