อุจจาระร่วงเฉียบพลัน (Acute Diarrhea)
เป็นภาวะที่มีการถ่ายเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป ภายใน 24 ชั่วโมง หรือถ่ายเป็นมูกเลือดมากกว่า 1 ครั้ง ซึ่งสามารถหายได้เองหากไม่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น แต่ในกรณีที่มีอาการรุนแรงมากขึ้น อาจจะถ่ายเหลวเป็นน้ำมากกว่า 10-20 ครั้งต่อวัน และไม่สามารถรับประทานอาหารหรือน้ำได้เลย ส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะช็อก หรือหมดสติจากการขาดน้ำได้
อาการอุจจาระร่วงเฉียบพลัน ที่ต้องรีบพบแพทย์
. ปวดท้องอย่างรุนแรง
. ปวดศีรษะ
. มีไข้
. คลื่นไส้
. อ่อนเพลีย
ไข้ไทฟอยด์ หรือ ไข้รากสาดน้อย (Typhoid)
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Salmonella Typhi โดยเชื้อชนิดนี้สามารถแพร่กระจายไปยังทุกส่วนของร่างกายได้ ซึ่งติดต่อได้จากการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อน และเมื่อเราสัมผัสกับเชื้อชนิดนี้แล้ว อาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายได้ อีกทั้ง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่รุนแรงถึงขั้นอันตรายถึงชีวิตได้
อาการไข้ไทฟอยด์ หรือไข้รากสาดน้อย
. ไข้สูง
. เบื่ออาหาร
. แน่นท้อง
. ท้องผูก
อาหารเป็นพิษ (Food Poisoning)
เป็นโรคที่พบบ่อยในช่วงหน้าร้อน ซึ่งเกิดจากการปนเปื้อนของเชื้อโรคจำพวก S.aureus หรือ B. cereus หรือ C. perfringens ส่วนใหญ่จะมีอาการหลังจากรับประทานที่มีรสจัด หรืออาหารที่ปรุงไม่สุกพอ เช่น อาหารค้างคืน เนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุก หรือทานดิบ ๆ และเมื่อรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าไปแล้ว อาจทำให้เกิดอาการต่างๆตามมา ที่ทำให้การใช้ชีวิตของคุณอาจแย่ลง
อาการอาหารเป็นพิษ
. อาเจียน ติดต่อกันไม่หยุดหรือมี เลือดออก
. ปวดท้องในลักษณะปวดบิดเป็นพักๆ
. ท้องเสีย
. คลื่นไส้หรืออาเจียน
อหิวาตกโรค (Cholera)
เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงและสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย วิบริโอ โคเลอรี (Vibrio Cholerae) ซึ่งเชื้อจะเข้าไปอยู่บริเวณลำไส้ และจะสร้างพิษออกมา และทำปฏิกิริยากับเยื่อบุผนังลำไส้เล็ก ทำให้เกิดอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง จนทำให้ร่างกายเสียน้ำหรือเกลือแร่อย่างรวดเร็ว และหากปล่อยไว้ให้อาการรุนแรง ก็อาจอันตรายถึงชีวิตได้ โดยมีปัจจัยเสี่ยงมาจากการรับประทานอาหารที่ไม่ได้ผ่านการปรุงสุก หรือสดสะอาดนั่นเอง
อาการอหิวาตกโรค
. ถ่ายเหลวเป็นน้ำสีคล้ายน้ำซาวข้าว
. ถ่ายมีมูกเลือด
. ปวดท้องน้อยมาก
. อาจมีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนร่วมด้วย
โรคบิด (Dysentery)
โรคบิดจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ก็คือ มีตัวก่อบิด และไม่มีตัวก่อบิด ซึ่งโรคบิดที่มีตัวก่อบิดจะเกิดจากเชื้ออะบีนา และเมื่อเชื้ออะมีบาเข้าไปสู่กระแสเลือด หรือแพร่ไปยังอวัยวะภายในต่างๆ ก็อาจทำให้เนื้อเยื่อในอวัยวะต่างๆถูกทำลาย หรือก่อให้เกิดฝีที่อวัยวะต่าง ๆ และอาจเกิดอาการติดเชื้อ หรืออาการอื่น ๆ ที่รุนแรงขึ้น ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่ทันท่วงทีก็อาจทำให้อันตรายถึงชีวิตได้
อาการที่มีตัวก่อบิด
. ปวดท้องเวลาถ่าย
. ถ่ายปนมูกปนเลือด
. อาจมีฝีในตับ
. ถ่ายอุจจาระบ่อยครั้ง
อาการที่ไม่มีตัวก่อบิด
. ไข้สูง
. ถ่ายเป็นมูกปนเลือด
. ปวดท้อง
. อาเจียน
. เบื่ออาหาร
5 วิธีดูแลสุขภาพในช่วงหน้าร้อน
. ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้วขึ้นไป เพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไป เพื่อป้องกันภาวะร่างกายขาดน้ำซึ่งอาจทำให้เกิดอาการหน้ามืดเป็นลมได้
. เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และต้องผ่านการปรุงสุกที่สดสะอาดอยู่เสมอ
. หลีกเลี่ยงการใช้ชีวิตประจำวันในสถานที่มีอากาศร้อนจัด แต่หากมีความจำเป็นต้องสัมผัสแดดควรทาครีมกันแดด สวมแว่นกันแดด หรือพกร่มไปด้วยทุกครั้ง
. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอากาศร้อนอาจทำให้แอลกอฮอล์ถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้เร็วกว่าปกติ
. กลุ่มเสี่ยงที่เป็นเด็กเล็ก ผู้สูงวัย และกลุ่มที่มีโรคประจำตัว ควรอยู่ในห้องที่มีอากาศระบายได้ดี
. ควรใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี หรือเลือกเสื้อผ้าที่สามารถดูดซับเหงื่อและระบายความร้อนได้ดี เพื่อไม่ให้ระคายเคืองผิวหนัง
ขอบคุณ : โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย4