เห็นทีทางเดียวที่จะรอดพ้นจากภัยร้ายของโรคโควิด 19 เห็นทีคงจะเป็นการให้ประชาชนทุกคนฉีดวัคซีนโควิด 19 เสียแล้ว เนื่องจากหลังจากเกิดการระบาดของระลอกที่สามก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะสามารถควมคุบได้เหมือนกับระลอกที่หนึ่งและสองก่อนหน้านี้ นั่นทำให้ประชาชนกังวลใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากชีวิตประจำวันขึ้นอยู่กับความเสี่ยงทั้งหมด
ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เห็นชอบขยายฉีดวัคซีน วัยแรงงาน คู่ขนานผู้สูงอายุ เริ่มฉีด มิ.ย.นี้ และเห็นชอบฉีดวัคซีนซิโนแวค ให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ซึ่งด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2564 ว่า ในปลายเดือน พ.ค.นี้ จะมีการกระจายวัคซีนฉีดจำนวนมาก ดังนั้นคณะกรรมการฯ มีมติ 3 เรื่อง คือ
1.กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า ภาคเอกชน จะมาร่วมในการฉีดวัคซีนในประชากรวัยแรงงานรวม 16 ล้านคน โดยมีสํานักงานประกันสังคม และทางจังหวัดเป็นผู้รวบรวมจำนวนและรายชื่อแรงงานที่จะรับวัคซีนในโอกาสต่อไป
นอกจากนี้ยังจะมีการเพิ่มจุดฉีดวัคซีน ที่นอกเหนือจากสถานพยาบาลของรัฐ ในกรุงเทพฯ 82 แห่ง และต่างจังหวัดประมาณ 300 แห่ง โดยคุณสมบัติเบื้องต้นจะต้องมีการดูแลในเรื่องของระบบสุขาภิบาล เรื่องการระบายอากาศ มีระบบการเฝ้าระวังอาการหลังการฉีด 30 นาที และการให้การช่วยเหลือหากกรณีมีอาการข้างเคียงเกิดขึ้น อาทิ ตั้งในโรงงาน ศูนย์การประชุม ลักษณะคล้ายกับรพ.สนาม อนาคตอาจจะมีการดำเนินการฉีดผ่านรถโมบาย
2. คณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบแนวทางฉีดวัคซีนของซิโนแวค ให้กับผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป เป็นไปตามหลักเกณฑ์ทางการแพทย์ เนื่องจากผลการศึกษาของต่างประเทศจีนมีความชัดเจนมากขึ้นแล้ว จากนี้ จะส่งเรื่องให้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไปจึงจะดำเนินการฉีดในกลุ่มที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปได้
3. คณะกรรมการฯ มีความเห็นชอบให้ออกอนุบัญญัติตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 ในเรื่องของการเปรียบเทียบปรับกรณีไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเวลาออกนอกเคหสถาน โดยจะมีการอนุโลม ยกเว้น และการลดค่าปรับตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชนแต่ยังยืนยันว่าขอความร่วมมือในการสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเวลาต้องออกนอกบ้านหรือไปในที่ที่มีคนจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการแต่งตั้งเจ้าพนักงานตามกฎหมายเพิ่มเติมคือข้าราชการสังกัดกรมราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ขณะเดียวกัน ทางด้าน นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การฉีดวัคซีนในกลุ่มวัยแรงงาน จะทำคู่ขนานกับผู้สูงอายุ เนื่องจากขณะนี้การลงทะเบียนฉีดวัคซีนในหมอพร้อม มีจำนวนไม่มาก โดยคาดว่าจะเริ่มฉีดในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งในส่วนของการฉีดจะให้ผู้ประกอบการรวมกลุ่มนัดหมายจากนั้นกำหนดวันฉีด ส่งเรื่องมายังประกันสังคม เพื่อประสานกระทรวงสาธาณสุข
ส่วนเรื่องค่าปรับที่มีการหารือคร่าวๆ จะแบ่งเป็นการกระทำผิดครั้งแรกปรับไม่เกิน 1,000 บาท หากมีการกระทำผิดซ้ำจะปรับตั้งแต่ 1,000 บาทแต่ไม่เกิน 10,000 บาท และถ้ายังมีการกระทำผิดอีกก็จะปรับในหลักหมื่นแต่ไม่เกิน 20,000 บาท อย่างไรก็ตามในรายละเอียดจะต้องมีการหารือเพื่อวางโครงร่างที่ชัดเจนอีกครั้ง ทั้งนี้การจับปรับไม่ได้หวังเงินทองของประชาชน แต่เพื่อเป็นการป้องปรามให้ประชาชนตระหนักถึงสถานการณ์ ขณะเดียวกันก็ให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจ