บิ๊กตู่ สั่งเข้มทบทวน โครงการคนละครึ่ง - บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เยียวยาปชช.

ภายหลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งทบทวนคนละครึ่งพร้อมทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อพิจารณาให้ครอบคลุมกลุ่มตกหล่น ซึ่งทาง นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ให้รายละเอียดภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการและเน้นย้ำให้กระทรวงศึกษาเร่งจ่ายเงินเยียวยานักเรียนและผู้ปกครองจำนวนคนละ 2,000 บาท ให้เร็วที่สุดจากทั้งหมด 11 ล้านคน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้โอนเงินเยียวยาไปแล้วกว่า 60%

ตามรายงานยังระบุข้อมูลอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังได้สั่งการให้กระทรวงการคลังทบทวนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน และโครงการคนละครึ่ง โดยขอให้มีการเสนอมาตรการอื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามาเพื่อที่จะพิจารณาทั้งในพื้นที่และกลุ่มเป้าหมายว่ามีกลุ่มใดตกหล่นบ้าง ทำให้ถูกต้องและครอบคลุม 

นอกจากนี้ นายธนกร ยังได้เปิดเผยถึงรายละเอียด ภายหลังจากที่ ครม.อนุมัติให้สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปลี่ยนแปลงรายละเอียด โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ใน 9 กิจการที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด 19 จากมาตรการของรัฐบาล ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด เพื่อให้ครอบคลุมผู้ประกอบการและแรงงานในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ 

แฟ้มภาพ
ในรายละเอียดระบุว่า ครม.อนุมัติให้ขยายกรอบวงเงินจาก 17,050.4 ล้านบาท เป็น 17,912.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 862.2 ล้านบาท จากการปรับปรุงจำนวนนายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่ 29 จังหวัด ซึ่งมีนายจ้างจำนวน 226,394 ราย เพิ่มขึ้น 18,900 รายและผู้ประกันตน ม. 33 จำนวน 3,877,936 ราย เพิ่มขึ้น 400,375 ราย 

จากรายงานข้างต้น ล้วนเป็นผลจากการขยายเวลาให้นายจ้างในพื้นที่ 3 จังหวัดและ 16 จังหวัด สามารถขึ้นทะเบียนประกันสังคมรายใหม่ได้ภายในวันที่ 24 สิงหาคม 2564 ทั้งนี้ ยังขยายระยะเวลาในการเบิกจ่ายและดำเนินโครงการฯ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม นี้

พร้อมกันนี้ยังได้อนุมัติเงิน 16,103.3 ล้านบาท ช่วยเหลือนายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด เพิ่มเติม 1 เดือน คือสิงหาคม ซึ่งจะแบ่งเป็นรายละเอียดได้ดังนี้

1. ช่วยเหลือนายจ้างจำนวน 194,660 ราย ด้วยการจ่ายให้ 3,000 บาท ต่อจำนวนลูกจ้างไม่เกิน 200 คน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 7,257 ล้านบาท 
2. ช่วยเหลือผู้ประกันตนตาม ม. 33 สัญชาติไทย จำนวน 3,538,530 คน โดยจะจ่ายให้ 2,500 บาท ต่อ คน ต่อ เดือน เป็นจำนวนเงิน 8,846.3 ล้านบาท โดยจะเริ่มโอนเงินเยียวยาภายในเดือนกันยายน 2564 นี้

ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ประชุมครม.ครั้งล่าสุดนั้น เป็นการอนุมัติวงเงินเพิ่มเติมจำนวน 16,965.5 ล้านบาท หลังจากที่เคยอนุมัติไปแล้วเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา จำนวน 17,050.4 ล้านบาท ทำให้โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตน ม.33 ใน 9 กิจการที่ได้รับผลกระทบที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด

แฟ้มภาพ

โดยประกอบด้วยการให้ความช่วยเหลือนายจ้างและผู้ประกันตน ม. 33 ในพื้นที่ 13 จังหวัดในระยะเวลา 2 เดือน (ก.ค.- ส.ค.) และในพื้นที่ 16 จังหวัด ระยะเวลา 1 เดือน (ส.ค.) มีกรอบวงเงินรวมทั้งสิ้น 34,015.9 ล้านบาท

อย่างไรตาม นายธนกร ยังได้ระบุทิ้งท้ายอีกด้วยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรียังห่วงใยกลุ่มผู้ขับแท็กซี่และกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ด้วยการมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อช่วยเหลือเยียวยา กลุ่มผู้ขับแท็กซี่ และกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่ไม่สามารถสมัครเป็นผู้ประกันมาตรา 40 เพราะมีคุณสมบัติอายุเกินที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดไว้ เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างครอบคลุมด้วย