สธ.ไฟเขียว ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 2 ให้นักเรียนชายอายุ 12 - 16 ปี

21 ตุลาคม 2564

อธิบดีกรมควบคุม แถลงไฟเขียวฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 2 ให้นักเรียนชายอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ ตามความสมัครใจของผู้ปกครองและนักเรียน

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2564 มีรายงานว่า เวลา 16.30 น. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) แถลงที่กรมควบคุมโรค ไฟเขียวฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 2 ให้นักเรียนชายอายุ 12 ปีขึ้นไปได้  แต่ผู้ปกครองต้องรับข้อมูลข่าวสารและแสดงความประสงค์สมัครใจในการฉีดวัคซีนนักเรียนด้วย ไม่เป็นการบังคับ

โดย นพ.โอภาส เผยว่า คณะอนุฯได้เชิญผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆมาร่วมพิจารณา เช่น กุมารแพทย์โรคติดเชื้อ กุมารแพทย์โรคหัวใจ เป็นต้น  โดยได้ทบทวนข้อมูลการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ทั่วโลก ข้อมูลที่เห็น คือ ขณะนี้มีการฉีดวัคซีน mRNA หลายร้อยล้านเข็ม โดยเฉพาะที่ฉีดอายุ 12 ปีขึ้นไป ที่ฉีด 2 เข็ม เช่น อเมริกา แคนาดา ยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น บราซิล เป็นต้น ส่วนที่ฉีด 1เข็ม เช่น เม็กซิโก อังกฤษ นอร์เวย์ ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน เป็นต้น เท่าที่ทบทวนดูการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบปัจจัยเสี่ยง คือ เด็กผู้ชาย อายุ 12-16 ปี

สธ.ไฟเขียว ฉีดไฟเซอร์เข็ม 2 ให้นักเรียนชายอายุ 12 - 16 ปี

ส่วนใหญ่เกิดระดับไม่กี่คนต่อล้านคน มากที่สุด 6 คนใน แสนคน พบมากในการฉีดเข็มที่ 2 และในเด็กผู้ชายแข็งแรง และจากการรวบรวมกรณีเป็นกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ อาการคือเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย อาการไม่รุนแรง หายได้เอง น้อยมากที่นอน รพ. และให้ทานยาแก้อักเสบก็หาย มีเล็กน้อยที่เกิดอาการรุนแรงนอนรพ.เข้าไอซียู ส่วนการเสียชีวิตที่สัมพันธ์กับวัคซีน พบ 1 รายจากที่มีการฉีดแล้ว 100 ล้านโดส ถือว่าน้อยมาก  

 

สรุปสิ่งเกิดขึ้นเกี่ยวกับกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ หลังฉีดวัคซีนmRNA เป็น 3R  คือ  1.Real เกิดจริง  2.Rare เกิดน้อยมาก เฉลี่ยประมาณ 6 ในแสนคน ถ้าเทียบกับติดโควิดแล้วเกิดหัวใจอักเสบ เกิดจากวัคซีนน้อยก และ3.Recovery หายได้เอง อาการน้อย กินยาแก้อักเสบก็หาย มีส่วนน้อยจำนวนหนึ่งป่วยเข้า รพ. เสียชีวิตมีแค่ 1 รายที่ชัดๆ เกิดจากวัคซีน

สธ.ไฟเขียว ฉีดไฟเซอร์เข็ม 2 ให้นักเรียนชายอายุ 12 - 16 ปี

นพ.โอภาสกล่าว ทิ้งท้าย "สรุปคือให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็ม 2 ในเด็กชายอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ แต่ผู้ปกครองต้องรับข้อมูลข่าวสารและแสดงความประสงค์สมัครใจในการฉีดด้วย ไม่เป็นการบังคับ ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการค่อนข้างมั่นใจในข้อมูลมากขึ้น สบายใจมากขึ้น แต่การติดตามผลข้างเคียงยังต้องเตือนผู้ปกครองเฝ้าระวังอาการ และแพทย์ที่ดูแลรักษา ให้มีการรักษาถูกต้องต่อไป ให้มั่นใว่า สธ. อนุฯ และรัฐบาลจะพยายามติดตามเรื่องนี้ วางมาตรการให้เกิดความรอบคอบรัดกุม" 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews