กรณีที่มีสื่อจากหลายแหล่งได้มีการโพสต์คลิปวิดีโอรวมถึงเผยแพร่รูปภาพและเนื้อหา ระบุถึงพระฉันหมูกระทะ รวมถึงดื่มเหล้า ซึ่งทางด้าน ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คถึงประเด็นดังกล่าวว่า
“กรณีที่สื่อสำนักข่าวต่างๆได้มีการเสนอข้อมูลข่าวที่เป็นเท็จ ว่าพระวัดทวีการะอนันต์ ฉันเหล้า เบียร์ เสพยาเสพติด โดยได้มีการนำข้อมูลต่างๆมาจากเพจอวตาร อยากดังเดี๋ยวจัดให้ Return Official โดยไม่ไตร่ตรองข้อมูลให้ดีเสียก่อน แล้วนำไปลงข่าวก่อให้เกิดความเสียหาย แก่พระและเจ้าอาวาสวัดทวีการะอนันต์“
วันนี้ (13 ก.ย.) เวลา 10.00 น. ที่วัดทวีการะอนันต์ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช แถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง และดำเนินคดีกับผู้ปล่อยข่าว รวมถึงเพจ หรือสำนักข่าว ที่เสนอข่าวเท็จ ว่าพระวัดทวีการอนันต์ กินเหล้ากินเบียร์ ฉันฉาบูตอนเย็น จนเกิดความเสียหาย
ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า หลังจากที่มีเพจหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า “กล้วยน้ำหว้า” ได้มีการลงข้อความและรูปภาพระบุว่ามีพระที่ฉันเหล้าและเบียร์ ก่อนที่หลายสำนักข่าวจะมีการนำเอาภาพและเนื้อหาดังกล่าวออกไปเผยแพร่ ตนมองว่าก่อนที่จะมีการเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้นั้นควรจะต้องมีการกลั่นกรองให้ดีก่อนหรือไม่ จนสร้างความเสียหายให้แก่ทั้งพระและทางวัด
ตนคิดว่าหลายหลายช่องก็เป็นช่องข่าวใหญ่ ควรจะต้องมีการกลั่นกรองให้ดีกว่านี้ ตนในฐานะที่เคยเป็นสื่อมาเช่นกันการที่จะลงข่าวอะไรก็จะมีการ มาวางบนโต๊ะและเลือกข่าวคัดกรองให้ละเอียดรอบคอบ รวมถึงตนก็ทราบมาว่ามีสื่อท้องถิ่นบางสื่อรับเงินจากเรื่องนี้ด้วย คุณควรจะต้องนึกถึงพุทธศาสนาเป็นหลัก นึกถึงความถูกต้องและสมควร
ในส่วนของประเด็นที่เป็นรูปพระนั่งอยู่ที่วงเหล้านั้น จริงๆแล้วรูปนี้ เป็นพระที่เข้าไปไปนั่งเพื่อพูดคุยกับญาติโยมในเรื่องของการจัดงานศพไม่ได้มีการร่วมวงดื่มเหล้าแต่อย่างใด รวมถึงภาพที่พระนั่งฉันชาบูหมูกระทะนั้น ก็เป็นภาพที่ถูกถ่ายขึ้นเมื่อสามปีก่อน ซึ่งพระรูปนี้ท่านก็ได้มีการฉันอาหารเหล่านั้นในเวลากลางวันซึ่งเป็นเวลาฉันเพลตามปกติไม่ใช่เวลาเย็น เนื่องด้วยพระช่วงนั้นจะต้องทำงานกัน (งานก่อสร้างภายในวัด)
เมื่อทำงานเสร็จทางอดีตเจ้าอาวาสท่านก็จะสั่งชาบูหมูกระทะมาให้ฉันกัน ส่วนที่รูปดูเหมือนมีการฉันกันอยู่ในห้องนั้นเพราะเมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีสถานการณ์โควิด หอฉันได้ถูกทุบออกไป เจ้าอาวาสจึงบอกให้พระนำอาหารไปฉันกันตามห้อง โดยหลังจากที่เพจอวตารเหล่านี้ รวมถึงสำนักข่าวได้มีการเผยแพร่เรื่องเหล่านี้ออกไป ก็มีคอมเม้นต์จากชาวเน็ตและประชาชนเข้ามาต่อว่าการกระทำของทั้งพระและวัดอย่างหนักจนสร้างความเสียหายรุนแรง
โดยเรื่องทั้งหมดนี้ตนทราบมาว่า มีการจ้างพระรูปหนึ่ง ให้ใส่ร้ายป้ายสีพระและวัด (ที่ถ่ายภาพทั้งหมด) ซึ่งตนก็มีข้อมูลเป็นแชท LINE ที่นำมาในวันนี้ รวมถึงยังมีสื่อมวลชนซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่นได้มีการรับเงินในเรื่องนี้เช่นกัน
โดยสรุปแล้วจากที่หลายสำนักข่าวได้มีการนำเอาข้อมูลจากเพจอวตารซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ อีกทั้งข้อมูลทั้งหมดก็เป็นข้อมูลที่มั่วและเป็นข้อมูลเท็จ จนสร้างความเสียหายให้กับทางวัดและทางพระ
โดยตอนนี้ตนจะให้โอกาสสำนักข่าวตามที่ตนได้กล่าวไปในการแก้ข่าวให้ถูกต้องหากตนเช็คแล้วว่ามีการเสนอ-แก้ข่าว ให้ถูกต้องตนก็จะไม่ฟ้อง แต่ถ้ายังไม่มีการดำเนินการใดตนก็จะเดินหน้าฟ้องทุกสำนักที่ไม่ดำเนินการ เพราะตนก็เสียหายจากเรื่องนี้เช่นกัน เนื่องจากมูลนิธิทนาย กองทัพธรรมเป็นผู้ดูแลและจัดประโยชน์ของวัด ซึ่งเป็นความเสียหายโดยตรงที่จะต้องดูแลทางด้านกฎหมายทั้งหมด
สิ่งที่ตนเสียใจที่สุดก็คือเจ้าอาวาสพยายามให้โอกาสพระ ซึ่งเป็นลูกน้องของอดีตเจ้าอาวาสให้แก้ไขปรับปรุงตัวแต่ก็ไม่สำนึก ท่านกลับมาทำร้ายวัด ว่าจ้างนักข่าว ว่าจ้างคนมาใส่ร้ายป้ายสี ซึ่งมีแชทไลน์เป็นหลักฐาน ซึ่งตนก็จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป
อีกเรื่องคือเรื่องของพระชาตรี-เชื่อมจิต ตอนนี้เราได้พยานหลักฐานครบแล้วซึ่งเราจะไปยื่นเรื่องต่อสำนักพุทธ รวมถึงวัดปากน้ำในฐานะธรรมฑูต ทางมูลนิธิยังคงดำเนินการเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานและตอนนี้เราคิดว่าเราน่าจะมีหลักฐานที่มากพอแล้ว โดยจะมีการเริ่มดำเนินการร้องเรียนตั้งแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้นไป