ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana ระบุเรื่องของ "โนโรไวรัส" ที่กำลังระบาดอยู่ในจีนตอนนี้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่หลายคนยังไม่รู้ ระบุว่า
เกร็ดน่ารู้สำหรับโนโรไวรัสครับ ไวรัสชนิดนี้ก่อโรคทางระบบทางเดินอาหาร ติดแล้วเกิดการอักเสบของกระเพาะหรือลำไส้มีอาการท้องเสีย อาเจียน ขาดน้ำ ไข้ขึ้น ปวดศีรษะ เลยมีคนเรียกอาการนี้ว่า Stomach flu ซึ่งจริงๆไม่ได้เกี่ยวอะไรกับไวรัส Influenza ของไข้หวัดใหญ่เลย หลังจากรับเชื้อไวรัสมาประมาณแค่ 12-48 ชั่วโมง ส่วนใหญ่ก็มีอาการแล้ว ซึ่งระยะฟักตัวสั้นมาก อาการจะอยู่ไป 1-3 วัน ก็จะทุเลาหายไป แต่ ไวรัสในร่างกายยังไม่หายตามอาการนะครับ จะอยู่ในอุจจาระที่เราถ่ายออกมาต่ออีก 2 - 3 สัปดาห์ ในปริมาณที่แพร่เชื้อต่อให้คนอื่นได้...อันนี้ปัญหาหลักเลยครับ เพราะคนป่วยมีอาการมักไม่แพร่เชื้อเพราะไม่ได้ไปไหนไกล คนเพิ่งหายนี่เป็นปัญหามากกว่า
เนื่องจากไวรัสมุ่งเป้าไปที่เซลล์ในระบบทางเดินอาหาร แหล่งผลิตเพิ่มจำนวนไวรัสก็อยู่ในนั้น แหล่งของไวรัสคือ อุจจาระ และ อาเจียน ที่ออกมาซึ่งต้องจัดการให้ถูกต้องไม่ให้ปนเปื้อนไวรัส โดยเฉพาะในห้องน้ำสาธารณะ เพราะโอกาสสัมผัสเชื้อมีสูง เชื้อไม่แพร่ทางอากาศ เข้าสู่ร่างกายผ่านการสัมผัสแล้วนำเข้าปากไปเจอเซลล์ในลำไส้
ไวรัสชนิดนี้มีขนาดเล็กเหมือนเม็ดโปรตีนจิ๋วๆ เป็นไวรัสที่ไม่มีไขมันหุ้ม
ดังนั้นการใช้แอลกอฮอล์ซึ่งทำลายไขมันจะไม่ work เพราะไม่มีอะไรให้ทำลาย ต้องใช้สบู่ทำความสะอาดในเวลาที่เพียงพอให้โปรตีนของไวรัสเสียสภาพ น้ำยาฆ่าเชื้อยังสามารถทำลายไวรัสได้ เช่น น้ำยาซักผ้าขาว แต่กลิ่นอาจจะไม่ค่อยน่าใช้ครับ
อาหารที่พบว่ามีเชื้อไวรัสปะปนง่ายๆคือ อาหารทานดิบ เช่น หอยนางรม กิมจิ หรือ น้ำดื่มไม่สะอาด ซึ่งการปรุงสุกสามารถทำลายไวรัสได้หมดจากความร้อนครับ
Note : เนื่องจากอาการท้องเสียกรณีนี้เกิดจากไวรัส ดังนั้นการใช้ยาปฏิชีวนะ จะไม่ได้ผล อาการที่หายไปหลังใช้ยา เป็นการหายตามธรรมชาติ แต่อาจจะเข้าใจผิดว่า ยาฆ่าเชื้อหมดแล้ว ซึ่งอาจทำให้แพร่เชื้อต่อให้คนอื่นได้นะครับ