วันที่ 20 ธ.ค. 67 ที่บ้านพระอาทิตย์ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต แถลงถึงคดีแตงโม การเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นักแสดงชื่อดังว่า เราเห็นความผิดปกติในบาดแผลของแตงโม เนื่องจากส่วนประกอบเรือยนต์แบบภายนอก ซึ่งเครื่องยนต์ที่ใช้ในเรือที่เกิดเหตุ องค์ประกอบของเครื่องยนต์มีใบพัดเดียว ไม่ใช่ใบพัดคู่ และใบพัดจะมีตัวกั้นอยู่ข้างล่าง
ใครจะเข้าไปใกล้ใบพัดไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะที่มีลักษณะบาดแผลที่ย้อนแย้งเกิดขึ้น บริเวณด้านหน้าขาขวา แผลกรีดยาวลึก ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าเป็นแผลจากของมีคมแบบเรียบ และถ้าเป็นใบพัดจริง ขาซ้ายจะต้องมีรอยบาดแผลด้วย และถามว่าขาจะเข้าไปในเครื่องยนต์ได้อย่างไร เพราะลักษณะเครื่องยนต์ไม่สามารถนำขาขึ้นไปคร่อมได้ เป็นบาดแผลที่ย้อนแย้งกับบาดแผลด้านข้างตรงขา เมื่อเป็นเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าบาดแผลมีความขัดแย้งย้อนแย้งกันทั้งบาดแผลแนวยาว และบาดแผลด้านซ้ายด้านขวาที่รอยบาดแผลไม่สอดคล้องกับใบพัด เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้ศาลยกฟ้องคดีที่มีนายตำรวจ ฟ้องร้องนาย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม
นาย ปานเทพ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีหมอชี้แจงว่า มันมีพิรุธที่จะสรุปได้ว่าเกิดจากการตกน้ำ และโดนใบพัดในเรือดังกล่าว ซึ่งจากการสังเกตแล้วพบว่ามีบาดแผลมากกว่านี้ แต่ยังไม่เปิดเผยในเวลานี้ ซึ่งมันมีเรื่องร้ายแรงมากกว่าที่เราคิด หลังจากนั้นแล้วเราก็ได้จับข้อสังเกตนี้และพบพิรุธอีก 1 เรื่องคือวันที่ตำรวจแถลงข่าวอ้างว่าขนาดความยาวแผลตรงกับใบพัด ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว และตำรวจยังนำเอาภาพขามาแถลงประกอบคดี ซึ่งเป็นภาพขาของผู้หญิงที่อ้างว่าโดนใบพัดเรือ แต่แท้จริงแล้วเป็นชาวต่างประเทศที่ถูกมีดกรีดขา ทำให้คำพิพากษาต้องระบุว่า ตำรวจภูธรภาค 1 แถลงข่าวขอโทษประชาชน เราสงสัยว่าเหตุนำภาพของคนที่โดนมีดแล้วอ้างว่าโดนใบพัดเรือได้อย่างไร จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบว่าเกิดเหตุเช่นนี้ ใครส่งให้ และทำไมถึงทำเช่นนั้น ดังนั้นทำให้เราเริ่มจับข้อพิรุธต่างๆ ได้มากมาย
นาย ปานเทพ กล่าวอีกว่า อีกทั้งยังพบว่าจุดที่พบศพนั้นทวนน้ำ จากจุดที่ตก เพราะปกติศพจะต้องไหลไปตามน้ำ แต่นี่อยู่พบในทิศทวนน้ำ และที่สำคัญพบคราบดินในหลอดลม และปอดที่เป็นเศษโคลน และสิ่งสกปรกเข้าไปในร่างกาย เมื่อพิเคราะห์จากตำแหน่งที่อยู่ในน้ำลึกแม่น้ำเจ้าพระยาดูไม่สอดคล้องกัน เพราะตกในระยะที่ลึก
รวมถึงการตรวจพบเส้นผม 3 เส้นบนเรือของแตงโม ทั้ง 3 ครั้งไม่เจอ แต่มาเจอครั้งที่4 โดยกระบวนการอาจจะมีความผิดปกติ เพราะแตงโมไม่ได้ปัสสาวะ และแผลไม่ได้เกิดจากใบพัดเรือลำนี้ ทำให้ต่อมามีการสนใจเรื่อง GPSและพบความผิดปกติของภาพถ่ายสุดท้ายที่แตงโมถ่ายกับเพื่อนบนเรือตรงพระราม 8 ซึ่งมีการตั้งข้อสงสัยว่าแตงโมมีการย้ายเรือไปอีกลำหนึ่งหรือไม่
“ถามว่ามันมีความผิดปกติในกระบวนการสืบสวนสอบสวนหรือไม่ จึงทำให้นายอัจฉริยะสามารถชนะคดี ดังนั้นสนับสนุนให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ตัดสินใจในการที่จะรื้อฟื้นคดี เพื่อหาความจริงในเรื่องนี้หรือไม่ เพราะพยานที่ถูกเลี่ยง และหลักฐานที่ถูกเรียกในขณะนี้ไม่สอดคล้องกับคดีที่นายอัจฉริยะชนะคดี”