สายดิบกินแซ่บระวัง ไข้หูดับ 4 จังหวัดอีสาน ป่วยพุ่งเกือบ 2 ร้อย ดับแล้ว 22 ราย
สายดิบกินแซ่บระวัง ไข้หูดับ 4 จังหวัดอีสาน ป่วยพุ่งเกือบ 2 ร้อย ดับแล้ว 22 ราย เตือนไม่ทานหมูสุก ๆ ดิบ ๆ หมูป่วย หรือหมูตายจากโรค
การทานอาหารดิบโดยเฉพาะอาหารที่ทำจากหมูดิบ เช่น ลาบดิบ ก้อยหมู หรือเลือดหมูนั้นมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หูดับ ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ร้ายแรง เสี่ยงหูหนวกถาวร ถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยเมื่อไม่นานมานี้ นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคไข้หูดับ ใน 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง ในเขตสุขภาพที่ 9 ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 2 มกราคม 2568 เขตสุขภาพที่ 9 พบผู้ป่วย โรคไข้หูดับมากถึง 197 ราย และมีผู้เสียชีวิตถึง 22 ราย
เมื่อแยกเป็นรายจังหวัด พบว่า ยอดผู้ป่วยโรคไข้หูดับมากที่สุดในพื้นที่อีสานตอนล่าง ช่วงปี 2567 มีดังนี้
- จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ป่วย 120 ราย เสียชีวิต 10 ราย
- จังหวัดชัยภูมิ มีผู้ป่วย 37 ราย เสียชีวิต 7 ราย
- จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ป่วย 24 ราย เสียชีวิต 3 ราย
- จังหวัดบุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 16 ราย เสียชีวิต 2 ราย
โดยกลุ่มอายุที่ป่วยสูงสุดคือ กลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไป รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 55-64 ปี และกลุ่มอายุ 45-54 ปี ตามลำดับ ซึ่งจากการประเมินความเสี่ยงอย่างรวดเร็วในเขตสุขภาพที่ 9 พบว่า ยอดผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคไข้หูดับในปี 2567 เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปี 2566 และมีความเสี่ยงอยู่ในระดับที่สูง ควรกิน “สุก ร้อน สะอาด” ไม่กินหมูดิบ ให้กินหมูที่ปรุงสุกเท่านั้น และความเชื่อที่ว่า บีบมะนาว หรือดื่มสุรา ร่วมกับการกินหมูดิบ หรือหมูสุกๆ ดิบๆ จะทำให้หมูสุก ก็เป็นความเชื่อที่ผิด
ซึ่งข้อมูลรายงานจากโปรแกรมตรวจสอบข่าวการระบาดปี 2561–2565 พบจังหวัดนครราชสีมา มีผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง ส่วนอีก 3 จังหวัด คือ จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ และ จ.ชัยภูมิ ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่เมื่อเข้าปี 2566 กลับพบว่า จำนวนผู้ป่วยสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง โดย 4 จังหวัดในเขตสุขภาพที่ 9 มีรายงานผู้เสียชีวิต 10 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในรอบ 5 ปีย้อนหลัง ในขณะที่ปี 2567 ที่ผ่านมา จำนวนผู้ป่วยกลับเพิ่มสูงขึ้นกว่า ปี 2566 และผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ดังนั้น จะต้องเร่งดำเนินการจัดการความเสี่ยงอย่างเข้มข้นใน จ.นครราชสีมา และเฝ้าระวังการเกิดโรคไข้หูดับใน 3 จังหวัดที่เหลือ โดยจำเป็นต้องทำงานแบบบูรณาการกับหลายหน่วยงาน เข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาตามแนวคิด “สุขภาพหนึ่งเดียว” จึงจะสามารถยุติปัญหาได้อย่างแท้จริง
โดยทางเพจ Anti-Fake News Center Thailand ได้ออกมาโพสต์เตือนว่า
ไข้หูดับ อันตรายจากการกินหมูดิบ
เตือนประชาชนที่กินเลี้ยงหรือทำอาหารกินเองในครอบครัว ขอให้หลีกเลี่ยงการกินหมูดิบ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ เสี่ยงป่วยด้วยโรคไข้หูดับ และอาจทำให้หูหนวกถาวรหรือเสียชีวิตได้ สำหรับวิธีการป้องกัน คือ
- ไม่ทานหมูสุก ๆ ดิบ ๆ หมูป่วย หรือหมูตายจากโรค
- ผู้ที่มีบาดแผลที่ต้องทำงานกับหมูโดยตรง ควรปิดแปลและสวมถุงมือ
- เลือกเนื้อหมูที่ได้มาตรฐาน ไม่มีกลิ่นคาว สีคล้ำ และช้ำ
- ปรุงให้สุกด้วยอุณหภูมิตั้งแต่ 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป นาน 10 นาที หรือจนกว่าเนื้อหมูไม่มีสีแดง
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ 5 วิธีป้องกันโรคไข้หูดับ
1.ไม่รับประทานเนื้อหมู รวมทั้งเครื่องในหมู ดิบ หรือปรุงสุกๆดิบๆ
2.เลือกบริโภคเนื้อหมูที่มาจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน ไม่รับประทานหมูที่ป่วย หรือ หมูที่ตายจากโรค
3.ควรแยกภาชนะและอุปกรณ์สำหรับอาหารดิบและสุกออกจากกัน เช่น เขียง จาน ตะเกียบ ช้อน ส้อม เป็นต้น รวมทั้งไม่ควรใช้เขียงที่หั่นเนื้อหมูดิบ ในการหั่นผักที่ใช้ทานสดๆ เนื่องจากอาจปนเปื้อนเชื้อดังกล่าว
4.ผู้ที่เลี้ยงหมู ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ สัตวบาล สัตวแพทย์ ควรใส่เสื้อผ้าปกปิดมิดชิด ใส่รองเท้าและถุงมือทุกครั้งเมื่อเข้าไปทำงานที่สัมผัสกับหมูหรือเนื้อหมู หลีกเลี่ยงการจับหมูที่ตายด้วยมือเปล่า และล้างมือทุกครั้งหลังการสัมผัส หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด เพื่อป้องกันการสัมผัสโรคจากหมูที่ป่วย
5.ผู้ที่จำหน่าย ควรรับเนื้อหมูมาจากโรงฆ่าสัตว์ที่ได้มาตรฐาน เก็บเนื้อหมูที่จะขายในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 10°C และทำความสะอาดแผงด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุกวันหลังเลิกขาย
หากประชาชนมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง หูหนวก ท้องเสีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หลังรับประทานเนื้อหมู รวมทั้งเครื่องในหมู ดิบ หรือ ปรุงสุกๆดิบๆ หรือหลังสัมผัสหมูที่ป่วย ให้รีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการรับประทานอาหาร หรือการสัมผัสให้แพทย์ทราบ เพื่อรับการตรวจรักษาที่ถูกต้อง และรวดเร็ว จะช่วยลดอัตราการสูญเสียการได้ยินถาวร และลดการเสียชีวิตได้
ที่มา : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข