เตือน "อาการมะเร็งปอด" ใครมีดังนี้ ไปตรวจร่างกายด่วน

“หมอเจด” เตือน! มะเร็งปอด ภัยเงียบที่หลายคนมองข้าม – รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา เผยสัญญาณอันตรายของมะเร็งปอด โรคร้ายที่มักไม่มีอาการในระยะแรก แต่พบอีกทีอาจสายเกินแก้
ใครบ้างเสี่ยงเป็นมะเร็งปอด? เช็กด่วนก่อนสาย! หมอเตือนชัด คนสูบบุหรี่-รับควันบุหรี่-อยู่ในพื้นที่มลพิษ เสี่ยงมะเร็งปอดสูง! พร้อมเผยสัญญาณเตือนที่ไม่ควรละเลย
"หมอเจด" นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา โพสต์เตือน "มะเร็งปอด" ใครเสี่ยงบ้าง และอาการแบบไหนที่ต้องระวัง?
1. ใครบ้างที่เสี่ยงเป็นมะเร็งปอด?
1.1 คนที่สูบบุหรี่ หรือเคยสูบมาก่อน
อันนี้เป็นปัจจัยอันดับหนึ่งที่หนีไม่พ้นเลย บุหรี่มีสารพิษเพียบ โดยเฉพาะสารก่อมะเร็งที่ทำลายเซลล์ปอดทีละนิด ๆ คนที่สูบบุหรี่ต่อเนื่องเป็นเวลานานมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคนที่ไม่สูบถึง 15-30 เท่า และถึงแม้จะเลิกสูบไปแล้ว ร่างกายก็ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว โอกาสเสี่ยงก็ยังคงสูงกว่าคนที่ไม่เคยสูบ
1.2 คนที่ได้รับควันบุหรี่ หรือสูบบุหรี่มือสอง
ถ้าใครอยู่ใกล้ ๆ คนที่สูบบุหรี่เป็นประจำ ก็เสี่ยงได้เหมือนกัน เพราะในควันบุหรี่มีสารพิษไม่ต่างจากการสูบเองเลย คนที่ได้รับควันบุหรี่บ่อย ๆ อาจเสี่ยงเป็นมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นถึง 20-30%
1.3 คนที่ทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีสารก่อมะเร็ง
บางอาชีพมีความเสี่ยงสูงโดยที่เราอาจไม่เคยคิดมาก่อน เช่น
• คนที่ทำงานในโรงงานที่เกี่ยวข้องกับ แร่ใยหิน (asbestos), แคดเมียม, โครเมียม
• คนที่ทำงานเหมือง หรือโรงงานที่มี สารเคมีหนัก
• คนที่ต้องสัมผัสกับ ก๊าซเรดอน ซึ่งเป็นก๊าซธรรมชาติที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แต่ถ้าสูดดมเข้าไปมาก ๆ ก็เป็นอันตรายต่อปอด
1.4 คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษสูง
ฝุ่น PM2.5 ที่เราพูดถึงกันบ่อย ๆ ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ เพราะมันสามารถเข้าไปในปอดและสะสมในระยะยาวได้ คนที่อยู่ในเมืองที่มีมลพิษเยอะ หรือทำงานในที่ที่อากาศไม่ดี ก็มีความเสี่ยงสูงขึ้น
1.5 คนที่มีพันธุกรรมเสี่ยงต่อมะเร็งปอด
ถ้าในครอบครัวเคยมีคนเป็นมะเร็งปอด โดยเฉพาะพ่อแม่หรือพี่น้องสายตรง โอกาสที่เราจะเป็นก็เพิ่มขึ้นด้วย เพราะบางคนอาจมียีนที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซม DNA ที่บกพร่อง ซึ่งทำให้เซลล์ปอดเสียหายและกลายเป็นมะเร็งได้ง่ายขึ้น
2. อาการของมะเร็งปอดที่ต้องรู้
อย่างที่บอกไปนะครับ มะเร็งปอดมักไม่ค่อยแสดงอาการในช่วงแรก ๆ แต่พอเริ่มมีอาการ ก็อาจเป็นช่วงที่มะเร็งลุกลามไปแล้ว ดังนั้น ถ้ารู้สึกว่าอะไรไม่ปกติ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
2.1 อาการที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
ไอเรื้อรังนานเกิน 3 สัปดาห์ โดยไม่มีสาเหตุ
- ไอแบบธรรมดา ๆ แต่ ไม่หายสักที แม้จะกินยา
- ไอมีเลือดปน หรือเสมหะมีสีคล้ำผิดปกติ
- หายใจลำบาก หรือรู้สึกแน่นหน้าอก
- มีเสียงหวีด หรือเสียงแหบแบบไม่มีสาเหตุ
2.2 อาการที่เกี่ยวกับร่างกายโดยรวม
- น้ำหนักลดลงแบบ ไม่มีสาเหตุ
- รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ทั้งที่พักผ่อนเพียงพอ
- เบื่ออาหาร กินได้น้อยลง
2.3 อาการที่เกิดจากการแพร่กระจายของมะเร็ง
- ถ้าลามไปกระดูก → ปวดกระดูก โดยเฉพาะที่หลังและสะโพก
- ถ้าลามไปสมอง → ปวดศีรษะ เวียนหัว หรืออ่อนแรงครึ่งซีก
- ถ้าลามไปตับ → ตัวเหลือง ท้องบวม
3. ทำไมมะเร็งปอดถึงน่ากลัว?
มันตรวจพบช้า → เพราะอาการในช่วงแรกไม่ค่อยชัดเจน
แพร่กระจายเร็ว → สามารถลุกลามไปยังอวัยวะอื่นได้ง่าย
รักษาได้ยาก → แม้มีการรักษาขั้นสูง แต่ถ้าเจอช้า โอกาสรอดต่ำมาก
4. การตรวจคัดกรองมะเร็งปอดทำได้อย่างไร?
เอกซเรย์ปอด (Chest X-ray) → วิธีพื้นฐาน แต่ไม่แม่นยำพอสำหรับระยะแรก
ซีทีสแกนปอด (Low-dose CT scan, LDCT) → วิธีที่แม่นยำกว่ามาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
5. วิธีลดความเสี่ยงของมะเร็งปอด
- เลิกบุหรี่ ทันทีนะ ไม่ว่าคุณจะสูบมากี่ปี การที่เลิกก็ช่วยลดความเสี่ยงได้
- หลีกเลี่ยงควันบุหรี่และมลพิษทางอากาศ
- ใส่หน้ากากป้องกันฝุ่น PM2.5 โดยเฉพาะในเมืองใหญ่
- ตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะคนที่มีความเสี่ยงสูง
- กินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผัก ผลไม้ เพื่อช่วยปกป้องเซลล์ปอด
ย้ำนะครับมะเร็งปอดเป็นโรคที่อันตรายเพราะมักไม่มีอาการชัดเจนในช่วงแรก แต่ถ้าเรารู้ปัจจัยเสี่ยงและสังเกตอาการผิดปกติได้เร็ว ก็มีโอกาสป้องกันและรักษาได้มากขึ้น ถ้าคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการตามที่ผมบอก อันนี้ต้องรีบไปตรวจนะครับ ใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยนะ