หนุ่มคนดัง ชอบสร้างภาพว่า รักครอบครัว เบื้องหลังทำชาวเน็ตตกใจ

กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในโลกออนไลน์ของเวียดนาม เมื่อคลิปวิดีโอหนึ่งที่เผยแพร่ในโซเชียลมีเดียเมื่อไม่นานมานี้ ได้จุดกระแสความไม่พอใจอย่างรุนแรงในสังคม หลังปรากฏภาพชายคนหนึ่งใช้ความรุนแรงอย่างโหดร้ายต่อภรรยาของตน เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสะท้อนปัญหาความรุนแรงในครอบครัวที่น่าเป็นห่วง แต่ยังสร้างกระแสประณามอย่างกว้างขวางจากชาวเน็ตจำนวนมาก

คลิปดังกล่าวถูกแชร์อย่างรวดเร็วในสังคมออนไลน์ของไทย ก่อนจะมีการยืนยันว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งในคลิป เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 เมษายน ภายในห้องนอนซึ่งคาดว่าเป็นบ้านพักของทั้งคู่ ขณะที่สามีภรรยากำลังพูดคุยกัน เกิดการโต้เถียงอย่างรุนแรงขึ้น ก่อนที่ฝ่ายชายจะระเบิดอารมณ์และลงมือทำร้ายภรรยาอย่างต่อเนื่อง

 

ชายคนดังกล่าวทั้งตบ ชก บีบคอภรรยา และเมื่อฝ่ายหญิงพยายามขัดขืน เขาก็จับผมของเธอดึงกลับ ก่อนจะควบคุมร่างเธอไว้และทำร้ายต่อไป จุดที่เลวร้ายที่สุดคือเมื่อเขากดคอภรรยาแน่นกับเตียง พร้อมตบเธออย่างแรงหลายครั้ง โดยไม่สนเสียงร้องไห้และการวิงวอนขอความเมตตา

 

ภาพของหญิงสาวที่นอนขดตัวร้องสะอื้นอยู่บนเตียง ภายใต้การกระทำอันโหดร้ายของสามี ทำให้ผู้ชมแทบทุกคนรู้สึกเจ็บปวดและเวทนา แม้คลิปจะมีความยาวไม่ถึงหนึ่งนาที แต่ทุกวินาทีก็เป็นหลักฐานชัดเจนถึงความโหดเหี้ยมที่เกิดขึ้น

 

หลังคลิปถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ชาวเน็ตจำนวนมากต่างร่วมกันแสดงความคิดเห็น ส่วนใหญ่แสดงความโกรธ และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เข้ามาแทรกแซง ปกป้องหญิงผู้เคราะห์ร้าย รวมถึงลงโทษชายผู้ก่อเหตุอย่างเด็ดขาด

 

ในขณะเดียวกัน โลกออนไลน์ก็เริ่มมีการค้นหาข้อมูลจนพบตัวตนของชายผู้ก่อเหตุ ซึ่งมีรายงานว่าเขาทำงานอยู่ในกรุงฮานอย และมีภาพลักษณ์ในโซเชียลว่าเป็น "พ่อบ้านใจกล้า" รักเมียหลงลูก ทว่าในความเป็นจริงกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

 

น่าสะเทือนใจอย่างยิ่ง เมื่อพบว่าในขณะที่หญิงคนดังกล่าวถูกทำร้าย เธอไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบโต้ ต้องนอนนิ่งๆ รับความเจ็บปวดอยู่คนเดียว โดยมีลูกน้อยวัยเพียง 5 เดือนอยู่ในบ้านเดียวกัน

 

หลายคอมเมนต์ได้เตือนสติผู้หญิงว่า ควรรักตัวเองให้มาก อย่าฝากชีวิตไว้กับคนที่ไม่เห็นค่า พ่อแม่เลี้ยงเรามาด้วยความรัก หากพบว่าแต่งงานกับคนที่ผิด ก็ขอให้กล้าพอที่จะเดินออกมา

 

ภายหลังจากคลิปถูกแชร์อย่างแพร่หลาย องค์กรที่ชายผู้นี้เคยทำงานอยู่ก็รีบออกแถลงการณ์ผ่านแฟนเพจขององค์กร โดยระบุว่าเขาได้ลาออกจากงานไปแล้วตั้งแต่ประมาณหนึ่งปีก่อน พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากสังคมให้หยุดการโจมตีองค์กรบนโลกออนไลน์

ข้อมูล - คลิกเพื่อชมคลิปจาก SOHA