กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG) ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ เศรษฐ กิจชีวภาพ (Bio Economy) คือ ใช้ทรัพยากรชีวภาพเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจหมุนวียน (Circular Economy) ซึ่งจะคำนึงถึงการนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้เต็มประสิทธิภาพ ควบคู่ไปเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) คือ การใช้เทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุล มั่นคงและยั่งยืน จึงให้หน่วยราชการในสังกัดศึกษาวิจัยสร้างนวัตกรรมให้สอดคล้องกับ BCG ซึ่งในส่วนของกรมชลประทานได้สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรฯในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ BCG โดยทำการศึกษาและวิจัยเปรียบเทียบการให้น้ำแบบประหยัดสำหรับนาข้าว เพื่อขยายผลองค์ความรู้สู่เกษตรกร หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน นักวิจัย และผู้สนใจทั่วไปได้ใช้ประโยชน์ เฉพาะอย่างยิ่งการหาแนวทางประหยัดน้ำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในสภาวะอากาศที่ผันผวนสูงเช่นปัจจุบัน
การศึกษาและวิจัยเปรียบเทียบการให้น้ำแบบประหยัดสำหรับนาข้าว
การศึกษา ฯ คำนึงถึงการประเมินประสิทธิภาพด้านการใช้น้ำในนาข้าวเป็นสำคัญ ร่วมด้วยปัจจัยในการเพาะปลูก เช่น ดิน เมล็ดพันธุ์ ฯ การดูแลนาข้าว ปัจจัยทางด้านสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับสภาพการปลูกจริงของเกษตรกร
คณะผู้วิจัยจึงเลือกวิธีการทำนาแบบนาเปียกสลับแห้ง และทำการเลือกเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสมกับพื้นที่ ได้แก่ กข.85 และออกแบบการใช้อุปกรณ์ตรวจวัดร่วมกับเทคโนโลยีด้านสารสนเทศ IOT เข้ามาเฝ้าติดตามสมดุลน้ำในพื้นที่ชลประทานของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลบน สำนักงานชลประทานที่ 8 จังหวัดนครราชสีมา
นาแบบเปียกสลับแห้ง
กรมชลประทานได้ทำต้นแบบและคู่มือการบริหารจัดการการทำนาที่มีประสิทธิภาพใช้น้ำน้อย หรือ ทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ที่สามารถช่วยประหยัดน้ำ ลดการใช้ปุ๋ย เพิ่มผลผลิตข้าว
จุดเด่นการนาแบบเปียกสลับแห้ง
- ประหยัดน้ำกว่าการปลูกแบบเดิมถึงร้อยละ 30-50 หรือประหยัดจากเดิมที่ใช้น้ำไร่ละ 1,200 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) เหลือประมาณไม่เกิน 860 ลบ.ม.
- ช่วยจัดการการให้ปุ๋ยแก่ต้นข้าวในช่วงเวลาที่ถูกต้อง
- ลดการใช้ปุ๋ยได้ร้อยละ 30-4 ต่อไร่
- ช่วยเพิ่มผลผลิตข้าวในพื้นที่เพาะปลูกได้ร้อยละ 20-30 ต่อไร่
- ลดการปล่อยก๊าซมีเทน และช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศสาเหตุหลักของปรากฎการณ์เรือนกระจกได้ถึงร้อยละ 75 เนื่องจากผลงานวิจัยพบว่าพันธุ์ข้าว ชนิดดิน วิธีปลูก วิธีการจัดการน้ำ ชนิดกับอัตราการใช้ปุ๋ย และปริมาณสารอินทรีย์ในนาข้าว มีอิทธิพลต่อการสร้างและปล่อยก๊าซมีเทน
- ช่วยสนับสนุนเป้าหมายสำคัญของประเทศไทยที่จะเป็นกลางทางคาร์บอน ( Carbon Neutrality) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ( Net Zero ) ภายในปี 2065 ด้วย
ขอบคุณข้อมูล : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์