นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ห้องเรียนปลอดฝุ่น ระดับดีเลิศ ห้องเรียนสู้ฝุ่น สสส. ณ โรงเรียนวัดวิมุตยาราม เขตบางพลัด ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เรื่องฝุ่นเป็นเรื่องสำคัญ โดยแบ่งเป็น 2 เรื่อง คือ การสู้ฝุ่นและการลดฝุ่น การลดฝุ่นต้องลดที่แหล่งกำเนิดฝุ่น คือ รถยนต์ ซึ่งการดำเนินการอาจจะไม่ได้ผลเนื่องจากช่วงนี้อากาศปิดทำให้ค่าฝุ่นยังสูงอยู่ จึงต้องหันมาดูแลเรื่องของสุขภาพกลุ่มเปราะบางก็คือเด็กในโรงเรียน ซึ่งหากเด็กรับฝุ่นเข้าไปมาก ๆ จะทำให้ฝุ่นอยู่ในร่างกายนานกว่าผู้ใหญ่และผู้สูงอายุเนื่องจากอายุยังน้อย จึงเป็นที่มาของการสร้างห้องเรียนปลอดฝุ่นเพื่อให้เด็กตระหนักรู้ถึงที่มาและอันตรายของฝุ่น PM2.5 รวมถึงวิธีป้องกัน นอกจากนี้ยังต้องให้ความรู้แก่คุณครู ผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อให้ทุกคนสามารถต่อสู้และรับมือกับฝุ่น PM2.5 ได้ดีขึ้น
"หากเราได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และมีความเข้าใจในปัญหาของเมือง เราจะสามารถรับมือและแก้ปัญหาของเมืองได้ดีขึ้น วันนี้คือตัวอย่างที่ดีที่ สสส.และกรมอนามัย ร่วมมือกับกทม. ในการสร้างห้องเรียนปลอดฝุ่นแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ให้กับเด็กกลุ่มเปราะบาง โดยกทม.จะนำไปเป็นต้นแบบและขยายผลไปสู่ทุกโรงเรียนต่อไป" ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า ในปัจจุบัน กทม. มีห้องเรียนสำหรับเด็กอนุบาล 1,743 ห้อง กทม.เร่งดำเนินการห้องเรียนปลอดฝุ่นแล้ว 758 ห้อง รวมแล้ว กทม.ดำเนินการสำเร็จกว่า 46% โดยตั้งเป้าหมายให้มีห้องปลอดฝุ่นครบทั้ง 437 โรงเรียนในสังกัด กทม.
โดยผลักดันให้ห้องดังกล่าวมีเครื่องปรับอากาศและเครื่องฟอกอากาศในรูปแบบห้องปลอดฝุ่น (Cleaner air shelter) ตามคำแนะนำของกรมอนามัยที่สามารถ “กั้น” ฝุ่นข้างนอกไม่ให้เข้ามาในห้องโดยการอุดรอยรั่วของห้อง “กรอง” ฝุ่นในห้องโดยใช้เครื่องกรองอากาศ “ดัน” ฝุ่นออกไปจากห้องโดยการนำอากาศจากข้างนอกห้องที่กรองแล้วเข้ามาในห้อง
อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญคือการเผยแพร่ความรู้และนำหลักสูตรเรื่องฝุ่น PM 2.5 รวมถึงหลักสูตรอื่นๆ มาใส่ในหลักสูตรวิชาหลักให้เด็กได้เรียนเพื่อเป็นการปลูกฝังความรู้ให้เกิดความตระหนักรู้ และส่งต่อความรู้ไปสู่ครอบครัวและชุมชน