หนุ่มหัวใจสลาย ทำงานส่งเงินให้คู่หมั้นสาว ก่อนจับได้เธอแอบนอกใจ : คนมีคู่หลายคนอาจจะวาดฝันไว้เกี่ยวกับอนาคตชีวิตคู่ของตนเอง ถึงได้ทำงานเพื่อเก็บหอมรอมริบเพื่อสร้างครอบครัวที่น่ารัก แต่กับชายคนนี้กลับต้องมาเสียใจในภายหลัง เพราะเขาจับได้ว่าว่าที่ภรรยา แอบนอกใจมีโลก 2 ใบมานาน
โดยสื่อต่างประเทศกำลังรายงานเหตุการณ์เรื่องราวชีวิตรักของชายคนหนึ่งได้กลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์ของเวียดนาม หลังจากที่เขาไปทำงานที่ต่างประเทศเพื่อส่งเงินมาให้หญิงสาวคนรัก สำหรับเก็บไว้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ก่อนจะพบว่าตัวเองถูกคู่หมั้นนอกใจ
ตามรายงานระบุว่า ก่อนไปทำงานต่างประเทศ นายเอ (นามสมมุติ) มีพิธีหมั้นกับ น.ส.บี (นามสมมุติ) ที่บ้านเกิด ซึ่งมีแผนจะจัดงานแต่งงานในอนาคตอันใกล้นี้ ในระหว่างความสัมพันธ์ทางไกล ทั้งสองยังคงส่งข้อความ โทร พูดคุย และให้กำลังใจกันตามปกติ ทำให้เขาไม่ได้เอ๊ะใจอะไร เพราะเชื่อมั่นในความรักของฝ่ายหญิง
ทว่า วันหนึ่ง นายเอ พบว่า น.ส.บี มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป หลายคนอาจจะฉุกคิดได้ว่ามันคือการนอกใจ แต่เขาก็ยังไม่อยากคิดไปถึงขั้นนั้น แต่เมื่อคริสต์มาสปีที่แล้ว น้องสาวของนายเอบังเอิญเห็นภาพว่าที่พี่สะใภ้ในอนาคตจับมือออกไปเที่ยวกับผู้ชายอีกคน จึงรีบแจ้งให้พี่ชายของเธอทราบทันที
แน่นอนว่า ชายหนุ่ม ได้ถามคู่หมั้นสาวและได้คำตอบว่าเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ทั้งสองเป็นเพียงเพื่อนกัน และเธอยังคงซื่อสัตย์ในความรักของว่าที่สามีและรอคอยเขาอยู่ตลอดเวลา
พร้อมกันนี้ยังมีข้อความนายเอติดต่อไปที่ชายที่ไปเที่ยวกับ น.ส.บี เพื่อสอบถามด้วย แม้ว่าฝ่ายชายจะรู้ว่าน.ส.บีมีคู่หมั้นแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังแอบมีความสัมพันธ์กับเธอ ขณะที่โซเชียลของฝ่ายหญิง มักจะโพสต์สเตตัสราวกับว่าเป็นคนเหงา บางโพสต์ก็บอกเป็นนัยว่าเธอแอบไปนอนกับชายอื่น
เมื่อไม่สามารถให้อภัยหรือเชื่อคำอธิบายของคู่หมั้นได้ นายพีจึงตัดสินใจปล่อยวาง ซึ่งเขาโพสต์ข้อความว่า "ผมไม่ต้องการที่จะอยู่ในโลกหลายใบของคุณ" พร้อมภาพเดินคนเดียวในเวลากลางคืนทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า
อย่างไรก็ตาม หลังจากถูกเรื่องนี้แชร์ออกไป ก็ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตมากมาย สุดท้ายฝ่ายหญิงทนแรงกดดันจากชาวเน็ตไม่ไหว ลบโพสต์ที่เกี่ยวข้องไป แต่เรื่องราวนี้ยังคงได้รับความสนใจเป็นพิเศษ หลายคนคิดว่านางสาวทีผิดที่หมั้นกับนายพีแต่ไปสนิทสนมกับชายอื่น แต่บางส่วนมองว่าควรรับฟังทั้งสองฝ่ายเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ให้ชัดเจน ความจริงของเหตุการณ์นี้ยังคงรอให้ทั้งสองฝ่ายพูดออกมาอย่างเป็นทางการ
ข้อมูลจาก Kênh Sao