อีกหนึ่งเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ของเวียดนาม ที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม เกิดเหตุไฟไหม้อาคารในฮานอย ประเทศเวียดนาม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 14 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีก 7 คน ที่ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ หนึ่งในนั้นคือนายเอ (นามสมมุติ) ที่ถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล พร้อมกับภรรยาของเขา
นายเอ เล่าว่า เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว เขาและภรรยาเพิ่งมาเช่าห้องบนชั้น 2 ของอาคารนี้ ในช่วงที่เกิดเหตุพวกเขานอนหลับอยู่ แต่ตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจเพราะเสียงสัญญาณเตือนไฟไหม้ เขาพยายามเปิดประตูเพื่อหลบหนีทันที ทว่าในเวลานั้นควันก็ลอยขึ้นมาจากชั้นหนึ่งอย่างรุนแรงแล้ว ห้องของเขาซึ่งกว้างกว่า 10 ตารางเมตร ตั้งอยู่ที่ปลายโถงทางเดินชั้น 2 ปกคลุมไปด้วยควัน
เมื่อประเมินสถานการณ์แล้วพบว่าใช้บันไดหนีไม่ได้ จึงรีบดึงภรรยากลับเข้าไปในห้องน้ำแล้วปิดประตูให้แน่น เขาและภรรยานำผ้าเช็ดตัวเปียกๆ มาห่อหุ้มตัวไว้หลายชั้น พร้อมทั้งใช้ปิดจมูกไว้ด้วย เพื่อต่อสู้กับควันไฟระหว่างรอให้หน่วยกู้ภัยมาถึง เมื่อผ่านไประยะหนึ่งก็ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ และตระหนักว่าควันค่อยๆ ลดลงแล้ว จึงพาภรรยาออกมาจากห้องเพื่อรับการช่วยเหลือต่อไป
ทั้งนี้ นายเอ ยอมรับว่าเรื่องราวการรอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ ด้วยวิธี "ซ่อนตัว" ในห้องน้ำ ถือเป็นวิธีการที่ขัดแย้งกับคำแนะนำก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า ไม่ควรวิ่งเข้าไปในห้องน้ำเพื่อหนีไฟ เพราะเป็นจุดที่ไม่ระบายอากาศ ซึ่งจะทำให้หายใจไม่ออก อีกทั้งไฟยังจะลามไปทั่วบ้านหรืออพาร์ตเมนต์ ดังนั้น แนวทางของเขาในครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์เฉพาะหน้า
อีกทั้งเขาไม่เพียงแต่เข้าใจความรู้หลักในสถานการณ์ไฟไหม้เท่านั้น แต่ยังรักษาความสงบในสถานการณ์อันตรายได้อีกด้วย ความสงบนั้นช่วยให้เขาลดความเสี่ยงของการสูดดมควันและการเผาไหม้จากความร้อน เพราะมีผู้คนตื่นตระหนกจำนวนมากที่เปิดประตูโถงทางเดินเพื่อหาทางออก
ทำให้ความร้อนและควันพิษจากชั้น 1 ลอยขึ้นมาตามบันไดและเข้าท่วมห้อง เมื่อสูดดมเข้าไปอาจทำให้หมดสติ เวียนศีรษะ หายใจไม่ออก อาการอาจโคม่า หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย
ข้อมูลจาก tintuconline