ชีวิตต้องมีความสมดุลจริงๆ เนื่องจากในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เกิดหลายเคสที่คนหนุ่มสาวเสียชีวิตแบบปุ๊บปั๊บจากการใช้ชีวิตที่กลับตาลปัตร อย่างล่าสุดเกิดกับ ชายวัย 28 ปี เกือบเอาชีวิตไม่รอด หลังจากที่ต้องโหมงานหนัก แต่ก็รักที่จะออกกำลังกาย
เรื่องราวดังกล่าวได้รับรายงานจาก หนังสือพิมพ์ Sohu เป็นเรื่องราวของ ชายวัย 28 ปี ที่ทำงานในอุตสาหกรรมการธนาคารและการเงินในประเทศจีน ซึ่งอาชีพของเขาเพิ่งเผชิญกับความยากลำบากเนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
นั่นทำให้เขาต้องทำงานล่วงเวลาทุกๆ 3 วัน และส่งผลให้กิจวัตรประจำวันของเขาก็กลับหัวกลับหาง อย่างไรก็ตาม เขายังคงต้องการออกกำลังกายจริงๆ ดังนั้น จึงตัดสินใจออกกำลังกายตอนดึกก่อนเข้านอนเสมอ
จนคืนเกิดเหตุ เวลาประมาณ 12:00 น. เขาฝึกยกน้ำหนักเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงตามปกติ แต่จู่ๆ ก็รู้สึกปวดหัว ความเจ็บปวดไม่หยุดแต่กลับรุนแรงขึ้นและต่อเนื่องจนล้มลงกับพื้น ในตอนนั้นเขารีบหยิบโทรศัพท์ต่อสายครอบครัวเพื่อขอความช่วยเหลือ
จากนั้น 2 ชั่วโมงต่อมา ครอบครัวของเขาพาเขาไปที่โรงพยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัยถงจี้ ผลการตรวจพบว่ามีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองในสมอง และมีหลอดเลือดโป่งพองเล็กๆ ที่หลอดเลือดแดงสมอง
เรื่องราวของชายหนุ่มคนนี้ทำให้หลายคนตกใจ เพราะด้วยความที่เขาอายุยังน้อยแต่กลับเป็นโรค "หลอดเลือดสมองตีบ" สิ่งที่น่าให้ความสนใจก็คือ อาการของโรคเกิดขึ้นขณะออกกำลังกายเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง ทำไมเป็นแบบนั้น?
ในประเด็นนี้แพทย์ที่ทำการรักษาอธิบายว่า การออกกำลังกายดีต่อสุขภาพก็จริง ทว่าการออกกำลังกายผิดเวลานั้นกลับส่งผลเสียแทน ในกรณีของผู้ป่วยหลอดเลือดสมองตีบรายนี้ ฝึกยกน้ำหนักในตอนกลางคืน ซึ่งเป็นเวลาที่ร่างกายต้องการพักผ่อนหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน
การออกกำลังกายช่วงดึกหรือก่อนเข้านอนอาจทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นฉับพลัน และมีความเสี่ยงสูงต่อโรคหลอดเลือดสมอง ไม่ต้องพูดถึงการออกกำลังกายหนักๆ
ซึ่งทำให้เกิดความเครียดอย่างมาก สร้างแรงกดดันต่อหัวใจ ลดการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด ความสามารถของร่างกายในการฟื้นตัว และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองด้วย