กำลังเป็นที่สนใจในโลกออนไลน์ตอนนี้ เมื่อมีรายงานว่า นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังชาวจีน "ตง ถั่นฮุย" แชร์ข่าวเศร้าของเขาบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก บอกถึงการจากไปของลูกชาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดและกะทันหันเกินไปสำหรับครอบครัว ในขณะเดียวกันโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในครอบครัวของเขา ยังเป็นคำเตือนสำหรับพ่อแม่คนอื่นๆ ด้วย
โดยเขาระบุว่า ตามปกติลูกชายจะตื่นนอนเวลา 05:50 น. รับประทานอาหารเช้าและขึ้นรถไปโรงเรียน แต่วันนั้นกระทั่งเวลาประมาณ 6:30 น. พบว่าเครื่องระบุตำแหน่งบนนาฬิกาของลูกชายยังคงอยู่ในบ้าน ฝ่ายสามีโทรถามภรรยาภรรยาว่าลูกลืมนาฬิกาไว้ที่บ้านหรือไม่ หลังจากได้รับคำยินยันว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงรีบออกตามหาลูกชายทันที
เขาค้นหาไปทั่วอย่างบ้าคลั่ง และค้นพบลูกชายหลังจากผ่านไป 20 นาที ปรากฎว่าลูกชายของเขาตกลงไปจากชั้น 17 ร่วงลงสู่ระเบียงชั้น 2 ของตึกอพาร์ทเมนท์ ซึ่งเช้าวันนั้นอากาศหนาวมาก ลูกชายของเขานอนอยู่ที่นั่นเงียบๆ ดูโดดเดี่ยวมาก ข้างๆ ศีรษะของเขามีกองเลือด ตอนนั้นมีแค่เขาและลูกสองคน เขาได้ปั๊มหัวใจให้ลูกอย่างต่อเนื่อง และโทรหาหน่วยฉุกเฉิน ตำรวจ และสมาชิกในครอบครัว เมื่อทุกคนมาถึงมือของลูกชายก็เย็นลงแล้ว
ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินมาถึงที่เกิดเหตุยืนยันว่าเด็กชายเสียชีวิตแล้ว ขณะที่ผู้เป็นพ่อระบุว่า พวกเขาบอกว่าไม่มีความหวังที่จะรักษาอีกต่อไปแล้ว เขาต้องเฝ้าดูลูกเสียชีวิตอย่างช่วยไม่ได้โดยไม่สามารถทำอะไรได้เลย ตนจะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง
การจากไปของลูกชายสร้างความตกตะลึงครั้งใหญ่ให้กับครอบครัว ไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุเขาถึงกับบอกแม่ว่าใกล้จะสอบวิชาพลศึกษาว่า ช่วยทำอาหารอร่อยๆ เติมพลังให้หน่อย ไม่เพียงเท่านั้น เขายังโชว์ภาพวาดที่ยังวาดไม่เสร็จให้พ่อดูอีกด้วย ซึ่งมันเป็นภาพที่แตกต่างจากครั้งก่อน เพราะคราวนี้ลูกใช้ปากกาลูกลื่นและร่างภาพเสร็จแล้ว ใช้เวลาอีกหนึ่งเดือนก็จะเสร็จสมบูรณ์
หลังจากตรวจสอบข้าวของและกระเป๋านักเรียนของลูกชายแล้ว ผู้เป็นพ่อก็พบกับกองกระดาษหนาๆ ที่มีภาพวาดที่ยังเขียนไม่เสร็จอยู่จำนวนมาก ในสายตาของเขาแม้ว่าลูกชายจะมีผลการเรียนกลางๆ แต่ก็มีบุคลิกที่ดีมาก ชอบวาดภาพ เล่นฟุตบอล และมีเพื่อนสนิทมากมาย และเขายังคงไม่สามารถยอมรับการจากไปอย่างกะทันหันของลูกได้
"หากเขาเห็นกระดาษแผ่นหนึ่ง ฉันจะหยิบปากกาออกมาและวาดอย่างตั้งใจจนกว่าจะจากโลกนี้ไป” ผู้เป็นพ่อกล่าวถึงลูกชายผู้มีความหลงใหลในการวาดภาพมากๆ มาตั้งแต่อายุ 1 ขวบ มักเล่าให้พ่อฟังหลายครั้งเกี่ยวกับความฝันในการเป็นศิลปินที่ยิ่งใหญ่ ถึงกับตั้งตั้งชื่อ WeChat ของตนเองว่า "จิตรกรผู้ยิ่งใหญ่"
ผู้เป็นพ่อเล่าด้วยว่า ลูกชายของเขาเพิ่งเรียนมัธยมต้นมาได้ 2 เดือน แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น ดูเหมือนจะสูญเสียความหลงใหลในการวาดภาพและเศร้าโศก ซึ่งเป็นเวลากว่าสองเดือนในโรงเรียนมัธยมต้น ทุกวันลูกต้องทำการบ้านจนถึงดึกดื่น และบางวันต้องทำงานพิเศษในเช้าวันรุ่งขึ้นก่อนที่จะไปโรงเรียน โรงเรียนมีการทดสอบทุกสัปดาห์ และผลการทดสอบส่งผลต่ออารมณ์ของเด็กอย่างมาก
เมื่อใดก็ตามที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เด็กชายมักจะหยิบหนังสือเล่มโปรดขึ้นมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งผู้เป็นพ่อยังคงจำภาพลูกชายที่กลับบ้านหลังสอบครั้งล่าสุดได้แจ่มชัด "ตามข้อบังคับของโรงเรียน นักเรียนจะต้องนำหนังสือทั้งหมดกลับบ้าน ผมยังจำภาพลูกชายแบกเป้ใบหนักๆ บนไหล่ได้ชัดเจน มีกระเป๋าหนังสือหนักมากจนมีรอยแดงเกิดขึ้น..."
ผู้เป็นพอเล่าอีกว่า หนึ่งวันก่อนเกิดเหตุ ลูกถูกวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มแชทในชั้นเรียนที่ไม่ทำการบ้าน ลูกชายของตนค่อนข้างเชื่อถือในตัวเองและอาจจะทนไม่ไหว... ผลสอบกลางภาคไม่เป็นไปตามที่คาด ลูกกลับบ้านด้วยสีหน้าเศร้าใจ ตอนนั้นภรรยาของตนต้องปลอบโยนและให้กำลังใจลูกอย่างมาก
เขายังเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า หลังจากลูกชายเสียชีวิต เขาและภรรยาก็ตั้งคำถามกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา นึกถึงเหตุผลที่อาจทำให้ลูกชายแสวงหาความตายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเขายังคงเชื่อว่า "การเรียนมากเกินไป การทดสอบรายสัปดาห์ การที่โรงเรียนขาดความสนใจ และสนับสนุนด้านจิตวิทยาแก่นักเรียน เป็นสาเหตุหลักบางประการที่นำไปสู่การกระทำที่โง่เขลาของลูกชายของผม"
ผู้เป็นพ่อเล่าว่า ตั้งแต่ลูกชายเข้ามัธยมต้น ทั้งเขาและพ่อแม่มักจะรู้สึกกังวลอยู่เสมอ โรงเรียนมีโปรแกรมการเข้าชั้นเรียน กลุ่มการออกกำลังกาย กลุ่มผู้ปกครอง กลุ่มคณะกรรมการผู้ปกครอง และแม้กระทั่งการออกกำลังกายที่ต้องเข้าร่วม กิจกรรมบางอย่างยังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่สูงมากด้วย เช่น โปรแกรมการเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ราคา 700 หยวน (ประมาณ 3,317 บาท)
อย่างไรก็ตาม หัวอกคนเป็นพ่อยังได้ระบุทิ้งท้ายด้วยว่า "การจากไปขอลูกชายของเราทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปมาก ผมหวังว่าจากการสูญเสียครั้งนี้ จะสามารถเป็นบทเรียนเพื่อฉุกคิดใหม่ได้ ผมยังต้องการใช้วิธีนี้เพื่อระลึกถึงลูกชายของผมด้วย"
ข้อมูลจาก soha และ doisongphapluat