เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.66 เวลา 10.40น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีหนังสือขอโทษ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย คู่กรณีจากนั้นได้มีการเผยแพร่หนังสือดังกล่าวผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้ตนเองถูกคุกคาม เนื่องจากหนังสือดังกล่าวมีข้อมูลส่วนบุคคลทั้งเบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่อาศัย ซึ่งตลอดทั้งคืนที่ผ่านมามีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาตนไม่ต่ำกว่า 20 สาย ซึ่งบอกว่าการกระทำดังกล่าวโดยเฉพาะการเผยแพร่หนังสือขอโทษเป็นการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลตามพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA จึงอยากขอความร่วมมือสื่อมวลชน และโซเชียลมีเดีย ให้ระมัดระวังการเผยแพร่รวมไปถึงการแสดงความคิดเห็นของประชาชน โดยขอให้ลบข้อมูล ซึ่งตนได้รับความเดือดร้อน
"เตือนไปถึงเกรียนคีย์บอร์ด ถ้าไม่ลบให้ผม สิ่งที่ด่าถ้าไม่ลบภายในวันนี้จะดำเนินคดี ส่วนสื่อมวลชนก็ให้เกียรติกับตนเองทุกครั้ง และยินดี ทั้งนี้เราขอกันกินมากกว่านี้ และบางส่วนก็ไม่จำเป็นต้องขอร้องใคร เพราะผมทำด้วยความสุจริตใจ ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นสามารถให้อภัยหรือยกโทษกันได้ก็จบกันไป แต่เรื่องไหนที่ยกโทษและให้อภัยไม่ได้ก็สู้กันในชั้นศาลต่อไป
ทั้งนี้นายสนธิญา ยังชี้แจงกรณีการทำหนังสือดังกล่าวว่า ตนทำตามคำแนะนำของศาล ซึ่งเจ้าหน้าที่บังคับคดี และทนายได้ให้คำแนะนำ ตนจึงทำหนังสือไปถึงพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตามคำแนะนำ แต่เมื่อได้รับหนังสือพล.ต.เสรีพิศุทธ์ ได้นำไปโพสต์จนมีคนคุกคาม เกิดความไม่สงบในชีวิต ย้ำว่าตนจะไม่ฟ้องกลับ เพราะถือว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มีวุฒิภาวะ และไตร่ตรองดีแล้วที่นำมาเปิดเผย แต่เมื่อปฏิเสธที่จะไกล่เกลี่ยกันจะกลับนำไปโพสต์ถามประชาชนว่าจะให้อภัยหรือไม่ ก็ต้องไปต่อสู้กันในชั้นศาลต่อไป
เมื่อถามว่าตัวนี้ที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุว่าเป็นการฟ้องเพื่อการสั่งสอนเพื่อไม่ให้ฟ้องไปเรื่อยนั้น นายสนธิญา ย้ำว่าตนไม่ได้ฟ้อง แต่มาร้องเพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ทุกเรื่องที่มายื่นตนไม่ได้ฟ้อง และหลายเรื่องยังมีข้อสงสัยจึงต้องไปทำหน้าที่ และอีกหลายเรื่องปรากฎในโซเชียลมีเดีย ใครกดเข้าไปก็เห็น ซึ่งเป็นสิทธิทางสังคมที่พึงกระทำได้ ส่วนตัวไม่ได้มีอะไรกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แต่อยากให้เรื่องเหล่านี้มีความกระจ่าง ส่วนตัวไม่รู้จักกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง และเคารพในเกียรติและศักดิ์ศรี ซึ่งกันและกัน และเกียรติยศและศักดิ์ศรีของตนเองอยู่ที่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ว่าตนผิดหรือถูก
ทั้งนี้นายสนธิญา ยังได้ยื่นคำร้องต่อกกต.ติดตามกรณีที่เคยยื่นขอให้ตรวจสอบนโยบายหาเสียงถมทะเลจ.สมุทรสาคร ของพรรคเพื่อไทย ว่ามีการเสนอรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมีการทำประชาพิจารณ์ ถามความเห็นของประชาชนแล้วหรือยัง โดยมองว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่หากไม่มีการดำเนินการนโยบายหาเสียงดังกล่าว ถือว่าเข้าข่ายหลอกลวงตามมาตรา 73(5) ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. รวมทั้งกรณีที่ได้ยื่นร้องว่าพรรคเพื่อไทยปล่อยให้นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ครอบงำ ชี้นำ จากกรณีขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงให้กับพรรคเพื่อไทย