เปิดตำนานกรีก เชื่อ "ไททัน - ไททานิค" เชื่อมโยงกัน สู่จุดจบอันน่าเศร้า

24 มิถุนายน 2566

เปิดตำนานกรีกโบราณ เชื่อ "เรือดำน้ำไททัน - เรือไททานิค" เชื่อมโยงกัน ก่อนสู่จุดจบอันน่าเศร้า สังเวย 5 ชีวิต ใต้ทะเลลึก

หลังได้รับการยืนยันจากพลเรือตรีจอห์น เมาเกอร์ จากหน่วยยามฝั่งสหรัฐ ที่แถลงว่า พบชิ้นส่วนของเรือดำน้ำไททันที่สูญหายไปตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรือดำน้ำดังกล่าวเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง และผู้โดยสารทั้ง 5 คนเสียชีวิตทั้งหมด

 

เปิดตำนานกรีก เชื่อ ไททัน - ไททานิค เชื่อมโยงกัน สู่จุดจบอันน่าเศร้า

เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีการค้นคว้าอ้างอิงตามหนังสือ วรรณกรรม ประวัติศาสตร์เรื่องเล่าแห่งจินตนาการ หรือ A Little History of Literature เขียนโดย นายจอห์น ซัตเทอร์แลนด์ ศาสตราจารย์เกียรติคุณด้านวรรณกรรมอังกฤษสมัยใหม่ ม.คอลเลจลอนดอนของอังกฤษ แปลโดย นายสุรเดช โชติอุดมพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวรรณคดีเปรียบเทียบ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

เปิดตำนานกรีก เชื่อ ไททัน - ไททานิค เชื่อมโยงกัน สู่จุดจบอันน่าเศร้า


โดยเนื้อหาจะเผยถึงที่มาและความเชื่อมโยงของคำทั้ง 2 คำ ซึ่งคำว่า ไททัน Titan ซึ่งเป็นคำนามหมายถึง ผู้ที่มีพละกำลังมหาศาล และคำว่า ไททานิค Titanic เป็นคำคุณศัพท์ของคำว่า Titan ซึ่งในหนังสือเล่มนี้อธิบายว่า

 

ในตำนานกรีกโบราณ บรรดาไททัน (Titan) คือ เผ่าเทพเจ้ายักษ์ ผู้ให้กำเนิดเหล่าไททันคือผืนดินและท้องฟ้า และพวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์แรกบนโลกที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ หลังจากเสพสุขในฐานะเผ่าพันธุ์ที่มีอำนาจมากที่สุดบนโลกเป็นเวลานาน เหล่าไททันก็ตกอยู่ในภาวะสงครามอันยาวนานนับสิบปีกับเหล่าทวยเทพเผ่าพันธุ์ใหม่ที่มีวิวัฒนาการสูงขึ้น

 

เปิดตำนานกรีก เชื่อ ไททัน - ไททานิค เชื่อมโยงกัน สู่จุดจบอันน่าเศร้า


แม้ว่าไททันจะเป็นยักษ์ที่มีพละกำลังมาก แต่นั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่พวกเขามี เหล่าทวยเทพเผ่าพันธุ์ใหม่ซึ่งมีชื่อว่า โอลิมเปียน (Olympian) มีความสามารถเหนือกว่าในหลายๆ ด้าน ทั้งปัญญา ความงาม และทักษะต่างๆ ที่สำคัญคือเหล่าโอลิมเปียนมีลักษณะเหมือนมนุษย์ (หรืออาจเทียบได้ว่า เหมือนกับพวกเรา) มากกว่าจะเป็นเพียงพลังธรรมชาติ แม้ว่าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่ตามตำนานแล้ว เหล่าไททันต้องประสบกับความพ่ายแพ้


เรือเดินสมุทรของบริษัทไวท์สตาร์ไลน์ ซึ่งจมลงไปที่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติกในเดือนเม.ย. 1912 มีชื่อว่า ไททานิคและมีพิธีที่เชื่อมโยงกับตำนานอย่างการ "รินเหล้าบวงสรวง" โดยเคาะขวดแชมเปญกับหัวเรือ เรือลำนี้ได้ชื่อดังกล่าวเพราะเป็นเรือที่ใหญ่ที่สุด เร็วที่สุด และมีกำลังมากที่สุดลำหนึ่งที่จะแล่นข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกในสมัยนั้น 


ผู้คนเชื่อกันว่า เรือไททานิคไม่มีวันล่ม แต่คนที่ตั้งชื่อดังกล่าวย่อมรู้สึกไม่สบายใจนัก ดูจะเป็นชะตาลิขิตที่ล่อลวงใจเลือกตั้งชื่อเรือว่า ไททานิค หากแม้นพวกเขาจะรำลึกได้สักนิดว่า เกิดอะไรขึ้นกับเหล่าไททัน

 

นายซัตเทอร์แลนด์ ระบุอีกว่า เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราหลงใหลมหันตภัยครั้งนี้อาจเป็นเพราะเราสงสัยไร้เหตุผลว่า เหตุการณ์เรือไททานิคล่มนั้นเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างให้แก่เรา (ต้องใช้เงินนับล้านๆ ดอลลาร์เพื่อสำรวจเรือที่จมอยู่ใต้น้ำ และตลอดเวลาที่ผ่านมาก็มีหลายคนอยากให้กู้เรือลำนี้) 

เปิดตำนานกรีก เชื่อ ไททัน - ไททานิค เชื่อมโยงกัน สู่จุดจบอันน่าเศร้า
เหตุการณ์ดังกล่าวบ่งบอกเรื่องบางอย่าง มันเตือนเราถึงบางสิ่งที่เราควรจะพยายามทำความเข้าใจอย่างแท้จริง ประโยคที่ว่า "อย่าทะนงตนจนเกินไป" น่าจะเป็นข้อเตือนใจจากเหตุการณ์ที่กลายเป็นตำนานแห่งยุคสมัยของเรา


ศาลผู้ทำหน้าที่ไต่สวนหลังจากเหตุการณ์เรือไททานิคอับปางได้พิจารณาเหตุและผล ก่อนลงความเห็นว่า ความผิดเกิดจากการบังคับกฎที่หย่อนยาน การตรวจตราดูหินโสโครกอย่างหละหลวม การสร้างเรือที่ไม่ได้มาตรฐาน และพื้นที่วางเรือชูชีพที่ไม่เพียงพอตามกฎหมาย ทั้งหมดนี้ไม่ผิดจากความจริงเลย

เปิดตำนานกรีก เชื่อ ไททัน - ไททานิค เชื่อมโยงกัน สู่จุดจบอันน่าเศร้า

ภาพจาก OceanGate Expeditions