เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ 8 ต.ค.66 ณ ศูนย์ประสานงาน เพจสายไหมต้องรอด เขตสายไหม นางกนิษฐา เวียงชัยภูมิ อายุ 62 ปี เดินทางเข้าพบ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เพื่อขอคำปรึกษากรณีถูกทนายความชื่อดัง ผู้จัดรายการทนายคลายทุกข์ เบี้ยวค่าเช่าบ้านมานานกว่า 1 ปี ค้างจ่ายค่าน้ำกว่า 2 ปี
โดยทางด้าน นางกนิษฐา กล่าวว่า เมื่อต้นปี 2563 สามีตนได้ปล่อยบ้านพักภายในซอยรามอินทรา 58 แยก 3 ให้คนเช่า ต่อมาได้มีหญิงสาวมาติดต่อขอเช่าเพื่อทำเป็นสำนักงานทนายความ โดยทำสัญญาปีต่อปี โดยมีทนายความชื่อดังคนท่านหนึ่งเป็นคนติดต่อพูดคุยจ่ายค่าเช่า ในปีแรกทุกอย่างดูเป็นปกติ จ่ายค่าเช่าตรงไม่มีปัญหาอะไร ต่อมาปี 2564 เริ่มค้างจ่ายค่าเช่าบ้านบางเดือน ตนเห็นว่าเป็นคนไทยด้วยกันอาจจะยังไม่มีเงินก็พยายามอะลุ่มอล่วยมาให้ตลอด จนกระทั่งหมดสัญญาเช่าและไม่มีการต่อสัญญาตนจึงขอให้ทนายความชื่อดังคนดังกล่าวย้ายออกจากบ้านของตนแต่ก็ได้รับการปฏิเสธ บอกแค่เพียงว่า "อยู่ที่นี้แล้วสบายใจ"
กระทั่งมาถึงกลางปี 2566 ตนได้ไปขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความ เพื่อให้ช่วยเป็นคนกลางเจรจาไกล่เกลี่ย แต่ได้รับการปฏิเสธ สภาทนายความบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ของสภาทนายความ พร้อมไล่ให้ตนไปจ้างทนายฟ้องขับไล่เอาเอง ทำให้ตนหมดหนทาง เนื่องจากการจ้างทนายฟ้องก็ต้องหาเงินไปจ้างทนายแต่ตนไม่มีเงิน บ้านก็ไม่สามารถเข้าไปได้
ตนเคยไปยืนเกาะรั้วบ้านตนเองนานกว่า 1 ชั่วโมง เพื่อขอเข้าไปดูบ้าน แต่ถูกแม่บ้านของทนายปฏิเสธไม่ให้เข้า ให้ตนยืนดูได้เพียงหน้าบ้านเท่านั้น ขู่หากเข้ามาจะเอาตำรวจจับ ตนหมดที่พึ่งทุกวันนี้ลำบากมาก เจ็บป่วยทีก็แทบจะไม่มีเงินไปหาหมอ รายได้จากการเช่าบ้านที่ควรจะได้มีไว้กินไว้ใช้ตอนแก่กลับถูกทนายความเบี้ยวไม่ยอมจ่าย เพื่อนๆจึงแนะนำให้เข้ามาขอคำปรึกษาจากนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ เจ้าของเพจสายไหมต้องรอด
ด้านนายเอกภพ กล่าวว่า กรณีนี้อยากฝากไปถึงพี่ทนายคนดังกล่าวว่า ขอให้เห็นใจเจ้าของบ้าน เนื่องจากมีอายุมากจำเป็นต้องใช้เงินจากค่าเช่าบ้านเดินทางไปหาหมอเพื่อรักษาตัว ทนายความเป็นอาชีพที่มีเกียรติต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน โดยเฉพาะพี่ทนายท่านนี้เป็นคนที่มีชื่อเสียงด้วยทำงานให้กับพรรคการเมืองยิ่งต้องมีจริยธรรมมากกว่าคนปกติ
จริงอยู่ตามกฎหมายหากผู้เช่าไม่ยอมย้ายออก เจ้าของบ้านจะต้องไปฟ้องขับไล่ แต่นั่นเป็นวิธิแก้ปัญหาของคนที่ถูกมิจฉาชีพโกง แต่ตนเชื่อว่าพี่ทนายความท่านนี้คงไม่ใช่มิจฉาชีพ หากพูดคุยกันด้วยเหตุผลก็น่าจะยอมย้ายออก ขอฝากถึงสภาทนายความ ตนอยากให้ทางสภาทนายความเป็นที่พึ่งของประชาชน เรื่องนี้หากสภาทนายความจะรับเป็นคนกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยก็สามารถทำได้
ด้านทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้โพสต์ข้อความถึงทนายคนดังกล่าวเนื่องจากใช้ชื่อว่า "คลายทุกข์" เหมือนกัน ยืนยันไม่รู้จักและไม่เกี่ยวข้องกับทนายรายนี้แต่อย่างใด