เรียกได้ว่าเป็นอุทาหรณ์เตือนใจใครหลายๆ คนได้อย่างดี จากกรณีหนุ่มแพร่พร้อมครอบครัว เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดเมื่อวันที่ 30 ก.ค.67 ที่ผ่านมา หลังจากถูกโมลเดลลิ่งติดต่อเข้ามาอ้างว่าจะให้ลูกสาวถ่ายโฆษณากับศิลปินดังระดับโลก “ลิซ่า” โดยหลอกให้วางเงินประกันงานก่อนถ่ายทำ ยอดเงินที่วางรวมประมาณ 8.7 ล้านบาท โดยกำหนดงานเริ่มถ่ายทำ 11 ก.ค. 67 แต่เลื่อนมาแล้วหลายครั้ง ถึงวันนี้ 30 ก.ค. 67 ก็ยังไม่มีการถ่ายทำ หลอกผู้เสียหายให้เดินทางจาก จ.แพร่ มารอถ่ายงานอยู่ที่ กทม. นานกว่า 1 เดือน
เมื่อผู้เสียหายสอบถามไปก็อ้างว่าคิวของ ลิซ่า ทุกอย่างเป็นความลับบอกไม่ได้ จึงเชื่อว่าอาจจะถูกหลอกและเชื่อว่าน่าจะมีผู้เสียหายอีกจำนวนมาก ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนกับโมเดลลิ่งคนดังกล่าว เริ่มรู้จักกันหลังจากเป็นเพื่อนกันใน Facebook มาเป็นระยะเวลานาน โดยทางฝั่งนั้นได้มีการติดต่อเข้ามาพร้อมเสนอว่าให้ลูกสาวของตนไปลงเรียนคอร์สการแสดง
ซึ่งตนก็เห็นว่าน่าสนใจจึงได้มีการตอบรับไป หลังจากนั้นไม่นานนักโมเดลลิ่งคนดังกล่าวได้มีการมอบงานมาให้ 2 งาน ซึ่งเป็นงานถ่ายโฆษณานมเปรี้ยวและขนมยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งขณะนี้โฆษณาดังกล่าวยังไม่ได้ออนแอร์แต่อย่างใด โดยตอนที่ไปถ่ายงานโฆษณาตัวนี้นั้นสถานที่ถ่ายก็เป็นสตูดิโอมีทีมงานพร้อมทุกอย่างเหมือนการถ่ายงานจริงๆ พร้อมได้รับค่าตัวไปในวันนั้น
ต่อมาโมเดลลิ่งรายดังกล่าว ได้มีการติดต่อเข้ามาอีกเพราะมีการเสนองานให้กว่า 30 งาน อีกทั้งยังบอกว่าจะได้ร่วมงานกับศิลปินดังอย่าง “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” ศิลปินชื่อดัง โดยจะได้รับค่าตัวสูง อีกทั้งตนมองว่าการได้ถ่ายงานกับลิซ่าก็ถือเป็นความฝันของลูกๆ และการได้ถ่ายงานใหญ่แบบนี้ก็อาจจะเป็นการส่งเสริมอนาคตให้กับลูกของตัวเองได้ ทั้งนี้ฝั่งโมเดลลิ่งอ้างว่า การรับงานรวมกับศิลปินดังจะต้องมีการวางเงินประกันก่อนครึ่งนึงเสมอ เพื่อป้องกันกรณีหากคุณพ่อและครอบครัวติดธุระไม่สามารถมาถ่ายงานได้ ตัวของโมเดลลิ่งจะได้ไม่ต้องรับผลกระทบใดๆ จากการผิดนัดในการถ่ายงาน
ตัวอย่างงานหนึ่งที่ทางฝ่ายโมเดลลิ่งได้มีการเสนอมา โดยบอกว่าจะให้ไปถ่ายงานทั้งครอบครัว ตน ภรรยาและลูกสาวอีก 2 คน คนโดยจะได้รับค่าจ้างในการถ่ายงานคนละ 200,000 บาท รวมเป็นเงินค่าจ้างในการถ่ายครั้งนี้ 800,000 บาท ซึ่งทางฝั่งของทางครอบครัวจะต้องมีกาีโอนเงินประกันไปก่อน เป็นจำนวนเงินกว่า 400,000 บาท
อีกทั้งตนยังถูกหลอกให้เดินทางมาพักอยู่ที่โรงแรมใน กทม. ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยทางฝั่งโมเดลลิ่งบอกว่าจะได้มาเตรียมตัวรอสำหรับการถ่ายงาน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อมาเลยซักงาน ที่ผ่านมาตนได้มีการโอนเงินไปทั้งสิ้น 42 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 8.7 ล้านบาท โดยตนคิดว่าน่าจะถูกหลอกแล้วจึงได้โทรติดต่อไปเพื่อขอเงินทั้งหมดคืน ซึ่งฝั่งนั้นก็บอกว่าจะคืนเงินให้ แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้เงินคืนแม้แต่บาทเดียว
ในส่วนของเงินที่นำมาใช้ในการมัดจำ เป็นเงินเก็บทั้งชีวิตของตนและบางส่วนได้มีการหยิบยืมมาจากญาติพี่น้อง ส่วนสาเหตุที่ทำให้ตนกล้าลงทุนอย่างหนัก ก็เพราะว่าการที่ลูกได้ร่วมงานกับศิลปินในดวงใจและเป็นศิลปินชื่อดัง นอกจากจะทำให้ลูกมีความสุขแล้ว ยังเป็นการสร้างอนาคตให้กับลูกอีกด้วยตนจึงได้มีการลงทุนกับเรื่องนี้ไป อย่างไรก็ตามตนอยากจะฝากไปถึงตัวของโมเดลลิ่งว่าหากทราบเรื่องนี้แล้วก็อยากจะให้คืนเงินโดยด่วนและไม่ไปหลอกใครเขาอีก โดยหลังจากนี้ตนก็จะมีการเดินทางไปแจ้งความต่อไป