พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองแถลงผลการจับกุมคดีสำคัญ คดี สตม.รวบเครือข่ายชาวจีน Hybrid scam หลอกเงินคนร่วมชาติ ชักชวนลงทุนในเงินสกุลดิจิตอล เสียหายกว่า 5.1 ล้านบาท
สืบเนื่องจาก กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายสัญชาติจีนว่าได้ถูกคนร้ายที่รู้จักกันผ่านแอพพลิเคชัน FACEBOOK ใช้ชื่อว่า “ZHONG” (จง) ได้เข้ามาพูดคุยเพื่อตีสนิท
โดยอ้างว่าเป็นคนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจที่ประเทศไทย ต่อมาได้อ้างว่าปัจจุบันได้ทำการลงทุนในตลาดสกุลเงินดิจิตอล ซึ่งได้ทำการส่งข้อมูลให้ผู้เสียหายดูว่าสามารถได้รับผลประโยชน์จริง ต่อมาคนร้ายได้ทำการชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุน ซึ่งได้ส่ง URL ชื่อ https://www.cqnyys.com/app และให้ผู้เสียหายทำการสมัครและทำการโอนเงินเพื่อลงทุน
ในช่วงแรกเมื่อผู้เสียหายลงทุนก็พบว่ามีเงินที่เพิ่มขึ้นในระบบจริง และเมื่อผู้เสียหายต้องการที่จะถอนเงินออกจากระบบ ก็ถูกคนร้ายอ้างว่าจะต้องมีการโอนเงินค่าประกัน ในการรับประกัน user จากนั้นเมื่อผู้เสียหายโอนแล้วพบว่าสามารถถอนเงินออกมาได้จากพอร์ทจริง จึงลงทุนเพิ่มไปในพอร์ทตามคำชักชวนของคนร้าย
จากการตรวจสอบพบมูลค่าความเสียหายกว่า 5.1 ล้านบาท จากนั้นเมื่อผู้เสียหายได้โอนเงินแล้วปรากฏว่าเว็บไซต์ดังกล่าวได้ปิดไป จึงเชื่อว่าได้ถูกหลอกลวงและเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปชก.สตม. และ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายในคดีนี้เป็นผู้ใด จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานและทำการออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน คือนายเติ้ง สัญชาติจีน และนายต๋ง สัญชาติจีน ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ”
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายเติ้ง ได้พักอาศัยอยู่บริเวณเขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร จึงได้ทำการขอหมายค้นและเข้าทำการตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา และสืบทราบว่า นายต๋ง พักอาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
จึงได้ทำการเฝ้าติดตามและทำการจับกุมได้ในที่สุด จากการสืบสวนขยายผลผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การว่าได้รับการสั่งการมาจาก นายเจิ้ง ที่อยู่ที่ประเทศลาว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจะได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อทำการออกหมายจับและติดตามผู้ต้องหาต่อไป
ทั้งนี้จากการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ ทำให้สามารถติดตามเงินมาคืนผู้เสียหายได้จำนวน 1.7 ล้านบาท เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา นายเติ้ง ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยผิดกฏหมายฯ”
ขณะที่ นายต้ง จับกุมในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยผิดกฎหมายฯ”