ไม่น่าเชื่อว่าโลกมนุษย์ใบโตของเราจะเกิดเหตุการณ์ที่มีลักษณะคล้ายกันกับหนัง ซึ่งภาพยนตร์บางเรื่องก็มีพลอตเรื่องมาจากเค้าโครงเรื่องจริง บางเรื่องก็มาจากจินตนาการของผู้กำกับ และหลายๆ เรื่องก็มาจากเค้าโครงเรื่องจริง แต่เพื่อความสนุกผู้กำกับและเขียนบทจึงได้แต่งแต้มเนื้อหาที่มันเหนือธรรมชาติลงไป เพื่ออรรถรสให้หนังดูน่าสนุกและน่าติดตามเพิ่มขึ้น
ทว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้กลับมีประเด็นที่ชาวเน้ตทั่วโลกให้ความสนใจและแชร์กันสนั่นโซเชียล เมื่อสื่อต่างประเทศได้รายงานว่า จากกรณีกลุ่มต่อต้านวัคซีนได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า การฉีดวัคซีนจะทำให้คนกลายเป็นซอมบี้ โดยอิงมาจากภาพยนตร์ชื่อดัง I Am Legend ที่นำแสดงโดย วิล สมิธ เมื่อปี 2550
ภาพจาก willsmith
เนื้อหาของภาพยนตร์ดังกล่าวเล่าถึงโลกมนุษย์ที่เกิดมีโรคระบาดเกิดขึ้น เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดและไวรัสได้พยายามในการดัดแปลงพันธุกรรมของไวรัสหัดเพื่อรักษาโรคมะเร็ง กระทั่งเกิดความล้มเหลวและผิดพลาด จากวัคซีนที่ควรจะช่วยเหลือมวลมนุษยชาติกลับกลายเป็นโรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนไปถึง 99 เปอร์เซ็นต์ของโลก ส่วนผู้ที่รอดชีวิตหลังติดเชื้อจะกลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์
โดย กลุ่มต่อต้านวัคซีน ได้นำพลอตเรื่องบางส่วนของภาพยนตร์ดังกล่าวมาผูกโยงเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ด้วยการหาข้ออ้างแบบผิดๆ ว่าคนที่ได้รับวัคซีนโควิดแล้ว อาจจะเกิดการกลายพันธุ์เช่นเดียวกับในหนัง อีกทั้งเมื่อสัปดาห์ก่อน หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทม์ส ยังได้รายงานเกี่ยวกับเจ้าของร้านแว่นแห่งหนึ่ง ที่ประสบปัญหาลูกจ้างไม่ยอมฉีดวัคซีนโควิด เพราะกลัวว่าจะเป็นแบบตัวละครในหนัง
หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปมากขึ้น ประเด็นดังกล่าวก็ยิ่งกลายเป็นกระแสถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในสังคมออนไลน์ หลายคนต่างชี้ว่าทฤษฎีดังกล่าวเป็นเพียงแค่พลอตหนัง เป็นเรื่องสมมุติเหนือธรรมชาติ แต่บางส่วนก็ยังคงเชื่อเช่นเดิม
เรื่องราวดังกล่าวบานปลายถึงขั้น อากิวา โกลด์สแมน (Akiva Goldsman) หนึ่งในทีมนักเขียนบทภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยาย ได้ออกมาทวิตกล่าวย้ำชัดเจนว่า เรื่องที่อยู่ในหนังนั้นไม่ใช่เรื่องจริง
"โอ้พระเจ้า มันเป็นแค่หนัง ผมแต่งมันขึ้นมาเอง มันไม่ใช่เรื่องจริง" ทีมนักเขียนบทภาพยนตร์ I Am Legend ระบุในทวิตเตอร์ส่วนตัว
ขอบคุณข้อมูลจาก bbc, edition.cnn
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews