เมื่อไม่นานมานี้ Dr.Phung Duc Lam หัวหน้าแผนกโรคหลอดเลือดสมอง โรงพยาบาลในประเทศเวียดนาม เล่าเคสของคนไข้ชายอายุ 27 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการดวงตาพร่าเบลอ ตาข้างขวาสูญเสียการมองเห็น พร้อมด้วยอาการชาที่ใบหน้าและซีกขวาของร่างกาย
พร้อมกันนี้จากผล MRI วินิจฉัยว่าเขาเป็นโรคหลอดเลือดสมอง แพทย์ใช้ยาละลายลิ่มเลือดกับผู้ป่วย ซึ่งหลังจากฉีดยาละลายลิ่มเลือดไป 1 ชั่วโมง อาการผิดปกติที่ดวงตาของผู้ป่วยก็ดีขึ้น 70% หลังจากรักษาได้ 3 วัน ดวงตาของผู้ป่วยก็กลับมาเป็นปกติอย่างสมบูรณ์
ในกรณีของชายหนุ่มข้างต้นที่ถือว่าอายุน้อยมาก และมีอาการไม่ชัดเจน โชคดีที่ผู้ป่วยมาโรงพยาบาลและตรวจพบได้ทันเวลา จึงสามารถหลีกเลี่ยงโรคแทรกซ้อนอันเนื่องมาจากโรคหลอดเลือดสมองสาเหตุ
สำหรับโรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคที่อันตรายมาก ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพตลอดชีวิตได้ ที่สำคัญคือมีผู้ป่วยเพียงไม่กี่รายที่มาโรงพยาบาลในช่วง 6 ชั่วโมงแรก ซึ่งเป็น "เวลาทอง" ที่จะช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ โรคนี้เกิดขึ้นเมื่อหลอดเลือดในสมองอุดตันหรือแตก
ทำให้ความสามารถในการให้ออกซิเจนและสารอาหารแก่เซลล์สมองสูญเสียไป เซลล์เหล่านี้จะถูกทำลายหรือตาย ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น สูญเสียความสามารถในการพูด เคลื่อนไหว หรือความรู้สึก
ด้านผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า จังหวะโอกาสการเกิดมักจะเพิ่มขึ้นเมื่ออากาศหนาว และเมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงกะทันหัน เมื่ออากาศเย็น catecholamines ในเลือดจะเพิ่มขึ้น ทำให้หลอดเลือดตีบตัน ทำให้ความดันภายในหลอดเลือดเพิ่มขึ้น
ส่งผลให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น และอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เลือดแข็งตัวมากขึ้น เกิดลิ่มเลือดได้ง่าย ทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือด สมองตีบ หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดหัวใจ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจตาย
เพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในฤดูหนาว จากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงกะทันหัน ควรรักษาร่างกายให้อบอุ่น โดยเฉพาะศีรษะและคอในช่วงฤดูหนาวถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ควรนอนในห้องที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก และทำให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ
และในตอนเช้าก่อนลุกจากเตียงควรออกกำลังกายเบาๆ เพื่ออบอุ่นร่างกาย และปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศภายนอก ไม่ควรลุกจากเตียงทันทีที่ตื่นนอน อีกทั้งในข่วงที่อุณหภูมิลดต่ำลง ควรดื่มน้ำอุ่น จำกัดการกินอาหารเย็น อย่าอาบน้ำดึกหรืออาบน้ำเย็น
อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ ผู้ป่วยจำเป็นต้องตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ หากตรวจพบโรคความดันโลหิตสูง หรือเบาหวาน ต้องรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง และอย่าหยุดรับประทานยาโดยพลการ
ข้อมูลจาก vtc.vn